นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 บริษัทได้ดำเนินการตามแผนปฏิรูปองค์กรระยะที่ 3 การเติบโตอย่างยั่งยืน ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ส่งผลให้ไตรมาสนี้ที่เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวบริษัทมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 21.9เปอร์เซ็นต์ โดยมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร เพิ่มขึ้น 7.1เปอร์เซ็นต์ อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร เฉลี่ย 78.5 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าปีก่อนซึ่งเท่ากับ 69.0เปอร์เซ็นต์ สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยมีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน 97 ลำ เพิ่มขึ้น 2 ลำ เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2559
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อยในไตรมาส 2 ของปี 2560 บริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานลดลงจากปีก่อน 13.5 เปอร์เซ็นต์ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 45,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนประมาณ 9.6 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามสาเหตุสำคัญเนื่องจากรายได้จากค่าโดยสารและน้ำหนักส่วนเกินเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขนส่งผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นถึง 21.9 เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้จะมีรายได้ผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงก็ตาม ประกอบกับรายได้จากค่าระวางขนส่งและค่าไปรษณียภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อน รวมทั้งรายได้การบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากการซ่อมบำรุงของฝ่ายช่างเพิ่มขึ้น ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวม 46,724 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 527 ล้านบาท จากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 20.1เปอร์เซ็นต์ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น 3,390 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิต และปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานเพิ่มขึ้น
บริษัทและบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวรวม 575 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงส่วนได้เสียในเงินลงทุนจำนวน 428 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) และรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 390 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 2,431 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อย มีขาดทุนสุทธิ 5,208 ล้านบาท โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 5,211 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 2.39 บาท ขาดทุนสูงกว่าปีก่อน 1.05 บาท
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 บริษัทและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 291,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2559 จำนวน 8,676 ล้านบาท หนี้สินรวมของบริษัทและบริษัทย่อย เท่ากับ 260,239 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 จำนวน 10,703 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 31,561 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2559 จำนวน 2,027 ล้านบาท เป็นผลมาจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัท และบริษัทย่อยในงวดหกเดือนแรกของปีนี้