คาราบาว กรุ๊ป” วางเป้าขยายไลน์ปั้น “วู้ดดี้ ซี+ ล็อค” ชูฟังก์ชันนัลดริ้งก์ เพิ่มกำลังผลิตรับตลาดตปท.บูม
คาราบาว กรุ๊ป เดินหน้าขยายไลน์ “ฟังก์ชันนัล ดริ้งก์” รับกระแสสุขภาพ พร้อมตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ลงทุนเพิ่มกำลังผลิตไลน์บรรจุขวด-กระป๋อง ที่โรงงานฉะเชิงเทรา คาดเดินเครื่องไตรมาส 4 ปี 2563 ด้านบุคลากรเข้มพัฒนาครบวงจร
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทำการรุกตลาดในประเทศและมีแผนบุกตลาดเครื่องดื่ม “ฟังก์ชันนัลดริ้งก์” เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพ และเป็นเทรนด์ที่นิยมของคนรุ่นใหม่ ที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้เปิดตัวเครื่องดื่มวิตามินซี ภายใต้แบรนด์ “วู้ดดี้ ซี+ ล็อค” ออกสู่ตลาดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาโดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทฯ กับพิธีกรชื่อดัง นายวุฒิธร มิลินทจินดา โดยใช้งบการตลาดสำหรับแบรนด์ วู้ดดี้ ซี+ ล็อค มูลค่า 200 ล้านบาท เพื่อผลักดันส่วนแบ่งตลาดให้เพิ่มขึ้น ปัจจุบันเครื่องดื่มวิตามินซี วู้ดดี้ ซี+ ล็อค วางจำหน่ายที่ร้านค้าสะดวกซื้อต่าง ๆ อาทิ เซเว่น อีเลฟเว่น, ซีเจ เอ็กซ์เพรส และร้านค้าทั่วไป พร้อมกันทั่วประเทศ ในราคาขวดละ 15 บาท โดยคาดว่าปี 2563 จะสามารถทำยอดขายได้เกินเป้าที่ 100 ล้านขวด
ทั้งนี้การขยายไลน์สู่ตลาดฟังก์ชันนัล ดริ้งก์ นอกจากรองรับกระแสสุขภาพแล้ว ยังเป็นการเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์จากฐานการผลิตของบริษัทฯที่มีอยู่ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงต่อยอดผลสำเร็จของเครือข่ายกระจายสินค้าของคาราบาว กรุ๊ป ซึ่งมีศักยภาพสูงสามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกได้กว่า 180,000 แห่ง ทั่วประเทศโดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้ทำการเปิดตัวรสชาติใหม่ คือ วู้ดดี้ ซี+ล็อค รสส้ม และปลายปี 2563 เตรียมเปิดตัวสินค้าในกลุ่มฟังก์ชันนัล ดริงก์ ตัวอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยตั้งเป้าว่าส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯในกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริงก์ จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีเป้าหมายขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดนี้ในอนาคต
นายเสถียร กล่าวต่อว่า ช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้กว่า 4,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นเกือบ 21เปอร์เซ็นต์ เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 801 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 106.5 เปอร์เซ็นต์
ปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้เติบโตขึ้นมากมาจากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในต่างประเทศที่ขยายตัว โดยเติบโตขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ช่วยชดเชยรายได้ในประเทศที่ลดลง จากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่หดตัว โดยปัจจุบันคาราบาวแดง ยังเป็นอันดับ 2 ของตลาด มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 21.4 เปอร์เซ็นต์
โดยรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในต่างประเทศไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 2,156 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะตลาดกัมพูชาและเมียนมาร์ซึ่งเติบโตอย่างมาก คิดเป็นรายได้ 1,969 ล้านบาท, ประเทศจีน 66 ล้านบาท ที่เหลือหลักๆ มาจากเยเมนและอัฟกานิสถาน ขณะที่รายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายอยู่ที่ 475 ล้านบาท เติบโตขึ้น 63.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการเติบโตที่ต่อเนื่องของตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยติดตั้งเครื่องจักรสายบรรจุขวดและกระป๋องใหม่ ที่โรงบรรจุเครื่องดื่มบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 ซึ่งจะเพิ่มกำลังผลิตเครื่องดื่มบรรจุขวดเป็น 4.20 ล้านขวดต่อวัน คิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์และเพิ่มกำลังผลิตเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องเป็น 5.90 ล้านกระป๋องต่อวัน คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์
นายเสถียร กล่าวถึงการพัฒนาบุคลากรในตอนท้ายว่า เพื่อตอกย้ำ World Class Product, World Class Brand หรือ คาราบาวเครื่องดื่มระดับโลก “คาราบาว กรุ๊ป” ได้มุ่งมั่นพัฒนาการบริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคล เน้นสร้างนวัตกรรมที่มีคุณค่า พัฒนาขีดความสามารถ โดยวางรากฐานการบริหารจัดการองค์กรให้มีมาตรฐานสากล และ ขับเคลื่อนองค์กรให้มีความทันสมัย (Modern Organization) มากยิ่งขึ้น
Carabao People for Future” คือโครงการที่เกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสรรหาบุคลากรที่มีคุณภาพและพัฒนาศักยภาพในทุกด้าน หนึ่งในแผนงานคือ การพัฒนาอาคารเดิมให้เป็น Carabao Academy ที่สามารถเป็นศูนย์กลางของการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่ครบวงจร