นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผยว่าปัจจุบันแนวโน้มของการท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่นหรือโลคอลเอ็กซ์พีเรียนซ์เป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยที่สำคัญความนิยมนี้ไม่จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระ หรือ FIT เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มตลาดองค์กรหรือกลุ่มคอร์ปอเรตที่มีความสนใจมากขึ้นที่จะไปจัดกิจกรรมในแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆโดยเฉพาะในเมืองรองของไทย
แนวโน้มดังกล่าวนี้นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการส่งเสริมท่องเที่ยวชุมชนเพราะกลุ่มคอร์ปอเรตมีการใช้จ่ายสูง และไม่มีข้อจำกัดเรื่องฤดูกาล อย่างไรก็ตาม กลุ่มคอร์ปอเรตก็มีความต้องการความสนใจในกิจกรรมที่หลากหลายแตกต่างกันไปเพื่อตอบโจทย์ของตลาดกลุ่มนี้ ททท.จึงได้จัดทำแคมเปญ We Love Local ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจโครงการ LOCAL LINK โดยได้คัดสรร 50 ชุมชนท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ นำมาจัดกลุ่มตามแคแร็กเตอร์ อัตลักษณ์และกิจกรรมท่องเที่ยวที่โดดเด่นของแต่ละชุมชนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและความสนใจที่หลากหลายของแต่ละองค์กร
โดยในปีนี้ได้รวบรวมไว้ 10 คอลเล็กชั่น จาก 50 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนท่องเที่ยวตามรอยศาสตร์พระราชา, ชุมชนท่องเที่ยวสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI, ชุมชนท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม, ชุมชนท่องเที่ยวบนพื้นที่สูง, ชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตร, ชุมชนท่องเที่ยวผ้าไทย, ชุมชนท่องเที่ยวเชิงอาหาร, ชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย, ชุมชนท่องเที่ยวโฮมสเตย์ และชุมชนท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้นอกห้องเรียนสำหรับเด็ก ซึ่งข้อมูลชุมชนทั้ง 10 คอลเล็กชั่น 50 ชุมชนดังกล่าว ททท.ได้รวบรวมไว้ที่ www.WeLoveLocal.Travel
อย่างไรก็ตามททท.ตั้งเป้าหมายว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนละ 1 ล้านบาท ภายใน 1 ปี หลังเปิดตัวโครงการ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ กระจายรายได้ให้กับชุมชน ช่วยให้ชุมชนเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตัวเองได้ยั่งยืนต่อไปได้