บี-ควิก อัดงบกว่า 700 ล้านบาท ปูพรมทั่วไทย เนรมิตศูนย์บริการ 15 สาขา ติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย อาทิ หุ่นยนต์ตั้งศูนย์ R.E.M.O (ROBOTIC EQUIPMENT FOR MEASURING BY OPTICS) เครื่องแรกในประเทศไทยมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
นายเฮงก์ เจ คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์บริการรถยนต์ บี-ควิก กล่าวเผยว่า ในปี 2559 การเติบโตจะไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2558 มากนัก โดยปัจจัยด้านภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ แต่จะกระทบกับการขายรถใหม่ในตลาดมากกว่า โดยบริษัทประเมินว่าผู้ที่มีรถอยู่แล้วจะมีการดูแลรักษารถยนต์มากยิ่งขึ้น
สำหรับแผนงานในปี 2559 บริษัทเน้นความหลากหลายของตัวสินค้า ความคุ้มค่าของการบริการหลังการขาย และการรับประกันสินค้าที่ดีกว่าและพิเศษกว่าที่อื่นโดยได้วางงบลงทุนกว่า 700 ล้านบาทแบ่งออกเป็นงบการตลาด 380 ล้านบาท, งบปรับปรุงสาขาเดิมประมาณ 10 สาขาจำนวน 40-50 ล้านบาท และงบขยายสาขาใหม่15 แห่งจำนวน 270 ล้านบาท โดยจะขยายเครือข่ายใหม่ๆต่อเนื่องทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เริ่มตั้งแต่สาขาแรกที่เพิ่งเปิดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่เทสโก้ โลตัสเพชรบูรณ์ และล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ สาขาถนนนราธิวาสฯ-สาทร ซึ่งถือเป็นสาขาใหญ่ที่สุดของ บี-ควิก มีช่องซ่อมมากถึง 19 ช่องซ่อม
โดย บี-ควิก สาขาถนนนราธิวาส-สาทร มีการติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย อาทิ หุ่นยนต์ตั้งศูนย์ R.E.M.O (ROBOTIC EQUIPMENT FOR MEASURING BY OPTICS) เครื่องแรกในประเทศไทยมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท นอกจากนั้นแล้วยังมีเครื่องถอด-ใส่ยางรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมระบบกึ่งอัตโนมัติที่สามารถถอดใส่ล้อขนาด 26 นิ้ว และยังมีเครื่อง G-Scan 2 ซึ่งเป็นเครื่องวิเคราะห์การทำงานของรถยนต์รวมถึงระบบต่างๆ ในรถยนต์ ครอบคลุมรถญี่ปุ่น ยุโรป เกาหลีและ อเมริกัน มากกว่า 30 ยี่ห้อ โดยบริษัทจะมีการนำมาใช้ในศูนย์บริการ บี-ควิก ทุกสาขาตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามบริษัทได้ตั้งเป้าหมายการขยายสาขาอีก 15 แห่งภายในปีนี้ อาทิ ถนนเอกมัย-รามอินทรา, แยกประชานุกูล, สมุทรสงคราม , ปทุมธานี,นครปฐม, สระแก้ว, ภูเก็ตสาขาที่ 3, นครราชสีมา สาขาที่ 2 และ สระบุรีสาขาที่ 2ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 140 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่สาขาต่างประเทศ ที่พนมเปญ คาดว่าจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา เป็น 2 สาขา
“ในปีที่ผ่านมาธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์โดยรวมอยู่ในภาวะซบเซามาก แต่เรากลับมีผลการดำเนินงานที่เติบโตกว่า 15 % หรือกว่า 6 พันล้านบาท และมีการให้บริการลูกค้ามากกว่า 1.3 ล้านคัน ซึ่งจากทิศทางดังกล่าวทำให้มีแผนที่จะรุกต่อเนื่อง ด้วยการขยายสาขาเพื่อให้ครอบคลุม และล่าสุดสาขาถนนนราธิวาส-สาทร ที่เพิ่งเปิดให้บริการก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และมีจำนวนซ่องซ่อมมากที่สุด ทำให้ลูกค้าที่นำรถเข้ามาใช้บริการช่วงเช้า สามารถกลับมาเอารถช่วงเที่ยงหรือเย็นได้ โดยบริษัทคาดว่าจากแนวรุกในปีนี้จะทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตประมาณ 10-15%”
ด้านนางสาวบุศรารัตน์ อัสสรัตนกุล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ ศูนย์บริการรถยนต์ บี-ควิก กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้บริษัทให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยจะมีการส่งเสริมการขายตลอดทั้งปี อาทิ แบ่งชำระไม่มีดอกเบี้ย หรือ 0% 6 เดือนทุกวัน ทุกรายการสินค้า ทุกสาขาทั่วไทย
“ถือเป็นครั้งแรกที่มีการผ่อนสินค้าแบบไม่มีดอกเบี้ยในทุกรายการสินค้า เพราะแต่เดิมจะเห็นแค่สินค้าที่อยู่ในกลุ่มยางรถยนต์ ซึ่งแนวคิดของแคมเปญนี้ก็เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้า โดยลูกค้าสามารถผ่อนได้ทุกวันตลอดปี ไม่ต้องรอแคมเปญ เพียงแค่มียอดการผ่อนมากกว่า 3 พันบาท”
นางสาวบุศรารัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากแคมเปญส่งเสริมการขายแล้ว สิ่งที่จะเน้นเป็นพิเศษในปีนี้คือการรับประกันยาง โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้นำเสนอการรับประกันยาง “บาด บวม เบียด แตก ตำ เปลี่ยนยางใหม่ภายใน 100 วัน” ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ซึ่งบี-ควิก ถือเป็นศูนย์บริการรายแรกที่มีการรับประกันยางจากการใช้งาน และการขับขี่ทุกกรณี
“ในปีที่ผ่านมาบี-ควิก สามารถขายยางได้กว่า 1 ล้านเส้น ครองส่วนแบ่งทางการตลาดยางรถยนต์ในประเทศกว่า 13% จากยอดขายยางทั่วประเทศประมาณ 9 ล้านเส้นในปี 2558 และ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดศูนย์บริการรถยนต์ในประเทศไทย บริษัทจึงมีการมอบการประกัน โดยไม่ว่ายางจะถูกบาด ยางบวม หรือ ยางแตก ภายใน 100 วันแรกหลังจากติดตั้ง ซึ่งการรับประกันนี้ครอบคลุมมากกว่าการรับประกันของผู้ผลิตยาง ที่รับประกันเฉพาะกรณีความบกพร่องที่เกิดจากการผลิตเท่านั้น”