สถาบันอาหารแนะนำ SMEsทำตลาดอาหารออร์แกนิกจริงจัง แนวโน้มกระแสตอบรับจากผู้บริโภคทั่วโลกดีที่สุดในบรรดากลุ่มอาหารอนาคตเติบโตสูงสุดเฉลี่ย 13 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหารกระทรวงอุตสาหกรรม นำข้อมูลแนวโน้มตลาดอาหารอนาคต หรือ Future Food ในตลาดโลกมาเปิดเผย พบว่า อาหารออร์แกนิกหรือเกษตรอินทรีย์ เป็นตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุด เนื่องจากมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วและมีจำนวนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกสู่ตลาดมากที่สุดเมื่อเทียบกับอาหารอนาคตอีก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ กลุ่มอาหารทางการแพทย์ และกลุ่มอาหารที่ผลิตขึ้นมาใหม่ทางนวัตกรรม
โดยในปีที่ผ่านมาทั่วโลกมีผลิตภัณฑ์อาหารออร์แกนิกออกวางจำหน่ายมากถึง 23,590 รายการ เติบโตเฉลี่ย 13 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ในช่วง 5 ปีหลังเพราะตรงกับความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มที่ไม่อยากเสี่ยงกับสารเคมีตกค้างในวัตถุดิบและส่วนประกอบอาหาร
ขณะที่กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากอาหารเกษตรอินทรีย์ โดยมีผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่ายจำนวน 17,396 รายการ เติบโตเฉลี่ย 4.3 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 5 ปีหลัง ขณะที่อาหารทางการแพทย์มีผลิตภัณฑ์ใหม่น้อยว่า 1,000 รายการ ส่วนกลุ่มอาหารที่ผลิตขึ้นมาใหม่ทางนวัตกรรมมีน้อยกว่า 500 รายการ
ตลาดอาหารออร์แกนิกส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป 65เปอร์เซ็นต์ รองลงมาได้แก่อเมริกาเหนือ 16 เปอร์เซ็นต์ เอเชียแปซิฟิก 13 เปอร์เซ็นต์ละตินอเมริกา 4 เปอร์เซ็นต์ แอฟริกาและตะวันออกกลาง 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหลายประเทศตลาดมีแนวโน้มเติบโตดีโดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง และให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยจนเกิดกระแสการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพขยายไปในวงกว้าง
นายยงวุฒิ เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมอาหารของไทยในช่วงแรกควรมุ่งเน้นการพัฒนา 2 กลุ่มหลักก่อน ได้แก่ กลุ่มอาหารออร์แกนิกและกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยสามารถผลิตสินค้าอาหารออร์แกนิกเพื่อวางจำหน่ายในท้องตลาดได้สูงถึง 565 รายการ เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 46 ต่อปี อาทิ ข้าว ชาพร้อมดื่ม เครื่องดื่มสมุนไพร โยเกิร์ต น้ำผลไม้ นมพร้อมดื่ม และธัญพืชอบกรอบ เป็นต้น เนื่องจากอาหารออร์แกนิกมีความเป็นนวัตกรรมที่ระบบการจัดการกระบวนการผลิตระดับฟาร์มที่ไม่ใช้สารเคมีใดๆ ดังนั้น ไม่เฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น แต่ผู้ผลิตในระดับเอสเอ็มอี ก็สามารถพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจในกลุ่มอาหารออร์แกนิกได้เช่นกัน ทั้งนี้อาจต้องประเมินอุปสรรคเรื่องวัตถุดิบไม่เพียงพอ และการขอรับการรับรองผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้เวลาดำเนินการ