นายชาคริต อัศววศิน ที่ปรึกษาการตลาดอาวุโส บริษัท สากล เบเวอเร็ดจ์ จํากัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำอัดลมอาร์ซี โคล่า เปิดเผยว่า เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้รีแบรนดิ้ง และทุ่มงบประชาสัมพันธ์ให้คนรุ่นใหม่รับรู้แบรนด์อาร์ซี โคล่ามากขึ้นนั้น ผลพลอยได้ที่ตามมายังทำให้บริษัทที่ต้องการทำเครื่องดื่มอัดลม ได้ติดต่อเข้ามาให้บริษัทช่วยผลิตให้ ทำให้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สากล เบเวอเร็ดจ์ มีการแตกไลน์ไปธุรกิจรับจ้างผลิต หรือ OEM มากขึ้น โดยได้ผลิตให้แล้วกว่า 16 แบรนด์ จากทั้งในและต่างประเทศ
“ถือเป็นช่องว่างทางการตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต เนื่องจากโรงงานที่สามารถผลิตเครื่องดื่มอัดลมในไทย ส่วนใหญ่ไม่เปิดรับจ้างผลิตให้รายอื่น ขณะที่โรงงานของสากลฯเองมีความชำนาญในการผลิตน้ำอัดลมแบรนด์อาร์ซี โคล่ามากว่า 40 ปี มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับโลก มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรรองรับการผลิตน้ำอัดลมทุกชนิด อาทิ น้ำอัดลม เอเนอร์จี้ดริงก์ เป็นต้น บวกกับโนว์ฮาวในการผลิต ที่สามารถให้คำแนะนำแก่คู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาสูตร รสชาติ ฯลฯ แบบวันสต็อปเซอร์วิสได้”นายชาคริต กล่าว
สำหรับกำลังการผลิตที่โรงงานสามารถผลิตได้ประมาณ 8 ล้านลังต่อปี ปัจจุบันผลิตอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ ยังสามารถรองรับได้อีกมาก โดยภายในสิ้นปีนี้เตรียมจะผลิตให้อีก 2-3 แบรนด์ ส่วนยอดขายในธุรกิจนี้ปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นเท่าตัวอยู่ที่ประมาณ 80 ล้านบาทในปัจจุบัน และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทยังเห็นโอกาสจากการแตกไลน์สินค้าใหม่ ๆ ในกลุ่มเพื่อสุขภาพ ตอบรับกับเทรนด์และการบริโภคที่เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมากขึ้น โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้เปิดตัว แม็กซี่ น้ำผึ้งผสมมะนาวโซดา ขนาด 400 มล. ราคา 16 บาท เน้นวางขายในช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น และกำลังจะวางในลอว์สัน กับแฟมิลี่มาร์ทภายในเดือนนี้ และคาดว่าจะมีการเปิดตัวแคทิกอรี่ใหม่ อย่างต่อเนื่องในปีหน้า
นายชาคริต เพิ่มเติมว่า กลยุทธ์สำหรับการรุกตลาดน้ำดำต่อจากนี้ จะไม่เน้นการทุ่มงบประชาสัมพันธ์แต่จะเอางบฯไปลงทุนในการทำโปรโมชั่น ณ จุดขาย ซึ่งเห็นผลลัพธ์กลับมาเป็นยอดขายที่ชัดเจนกว่า โดยเฉลี่ยจะใช้ปีละประมาณ 7 ล้านบาท พร้อมกับการรักษาสัดส่วนของขวดแก้วให้อยู่ในระดับดังกล่าวต่อไป เนื่องจากขวดแก้วมีกำไรดีกว่าขวดพีอีทีจำนวนมาก ด้วยแคชแวน 70 คัน ศูนย์กระจายสินค้า 5 แห่ง ครอบคลุม 60,000 ร้านค้า เน้นในโซนกรุงเทพฯและภาคกลางเป็นหลัก