นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า H.E. Mr.Uffe Wolffhechel เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเดนมาร์กประจำประเทศไทย พร้อมผู้บริหารบริษัท Haldor Topsøe บริษัทอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์จากประเทศเดนมาร์ก ได้แสดงความสนใจถึงทางการเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยเคมีในประเทศไทย เนื่องจากได้ทำการศึกษาข้อมูลประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่กลับมีผลผลิตทางการเกษตรต่อไร่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งคาดว่าเป็นเพราะไทยใช้ปุ๋ยในการเกษตรน้อยกว่าที่ควรด้วยต้นทุนด้านราคาที่สูง
ผู้บริหารบริษัท Haldor Topsøe จึงเล็งเห็นโอกาสที่จะเข้ามาตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยในประเทศไทย ทดแทนการนำเข้าหลายล้านตัน เพื่อลดต้นทุนราคาปุ๋ยของเกษตรกรไทย แต่ยังกังวลเรื่องการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการสกัดปุ๋ย โดยไทยไม่มีทรัพยากรจึงต้องนำเข้าก๊าซจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง จึงต้องการทราบแนวนโยบายของรัฐบาลไทยในเรื่องนี้ประกอบด้วย ถ้าได้รับการสนับสนุน ทางบริษัทก็จะได้เดินหน้าศึกษาการลงทุนในเรื่องนี้ต่อไป
นายวินิจฉัย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ยินดีที่บริษัทจากเดนมาร์กสนใจมาตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยในประเทศไทยที่ผ่านมา เกษตรกรไทยใช้ปุ๋ยเกินขนาด จึงจำเป็นต้องให้ความรู้แก่เกษตรกรในการใช้ปุ๋ยอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ รัฐบาลพยายามลดปัญหาต้นทุนปุ๋ยราคาแพง โดยหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี เนื่องจากปุ๋ยเป็นสินค้าควบคุม โดยมีกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้กำกับดูแลปุ๋ยทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิต การออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียน การควบคุมคุณภาพ เพื่อป้องกันปัญหาปุ๋ยปลอม ปุ๋ยหมดอายุ หรือไม่ได้คุณภาพ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน มีหน้าที่กำกับดูแลด้านราคา เพื่อให้ราคาปุ๋ยเป็นไปตามกลไกตลาดและเป็นธรรม ให้มีปริมาณสินค้ามีเพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศ และไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือกักตุนสินค้า
“กระทรวงพาณิชย์ ยินดีสนับสนุนการตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยของบริษัทเดนมาร์กในประเทศไทย โดยจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบภายในของไทย โดยหวังว่าการลงทุนในธุรกิจปุ๋ยจะเป็นโอกาสในการถ่ายทอดเทคโนโลยีในสาขานี้สู่ประเทศไทย โดยเฉพาะด้าน innovative technology และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยได้แนะนำให้ผู้แทนเดนมาร์กหารือในรายละเอียดเรื่องนโยบายก๊าซธรรมชาติกับกระทรวงพลังงานต่อไป” นายวินิจฉัย กล่าว