บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้งระบบงานวิศวกรรมในอาคารสำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรมรวมถึงที่อยู่อาศัย ก่อตั้งเป็นบริษัทจำกัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ปี 2531
ทั้งนี้ บริษัทได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ปี 2545 และหุ้นสามัญของบริษัทได้เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ปี 2545 ปัจจุบันเปิดดำเนินกิจการมาแล้ว 29 ปี ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจของมีการบริษัทขยายตัวขึ้น และได้มีการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในกิจการต่างๆ ในบริษัทย่อย ประกอบด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้าขนาด 10 MW และการรับเหมางานในต่างประเทศ ได้ร่วมลงทุนในกิจการร่วมค้ากับบริษัทอื่น เพื่อรับเหมางานก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐบาล
นายเสวก ศรีสุชาติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE เปิดเผยว่า ในปี2560 นี้แนวโน้มผลการดำเนินงานต่อเนื่องไปถึงปีหน้าของบริษัทยังขยายตัวได้ดี ส่วนหนึ่งเนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ อยู่ประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ปี 2560-2561 โดยเป็นงานจากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ รวมถึงอาคารศาลฎีกาใหม่
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าประมูลงานใหม่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟทางคู่จำนวน 2 เส้นทาง จากที่จะเปิดให้ประมูลทั้งหมด 5 เส้นทาง ประกอบไปด้วย โครงการช่วง ลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 24,000 ล้านบาท ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 28,000 ล้านบาท ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 19,000 ล้านบาท ช่วงหัวหิน-ประจวบฯ ระยะทาง 90 กิโลเมตรวงเงินลงทุน 9,800 ล้านบาท และช่วงประจวบฯ-ชุมพร 167 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 16,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเตรียมจับมือกับพันธมิตรจากประเทศจีนและเกาหลี ในการเข้าประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในส่วนที่เหลือ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฏร์บูรณะ-วงแหวนรอบนอกสายสีส้มตะวันตก ช่วงช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางแค-พุทธมณฑล สาย4 โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ ช่วงสมุทรปราการ-บางปู รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วง คูคต-ลำลูกกา เป็นต้น
“ในปีนี้จะเน้นเข้าประมูลโครงการของภาครัฐ โดยเฉพาะงานโครงการสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็น งานรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า โครงการสายไฟฟ้าลงดิน รวมถึงงานก่อสร้างอาคารสำนักงานทั้งของภาครัฐและเอกชน เพื่อเติมพอร์ตงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ให้เพิ่มขึ้น”
อย่างไรก็ตามนโยบายการรับงานในระยะต่อไป คาดว่าจะขยายงานไปรับงานภาครัฐบาลมากขึ้นเนื่องจากภาครัฐมีโครงการก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐานตามยุทธศาสตร์การขนส่ง เช่น งานรถไฟฟ้ารางคู่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย งานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยงานต่อส่วนขยายท่าอากาศสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น ส่วนงานภาคเอกชนยังรับงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่พึงพอใจในผลงานการให้บริการของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่น กลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มเทสโก้โลตัส กลุ่มปริญสิริ กลุ่มโนเบิล จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต รวมทั้งงานโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า เป็นต้น นายเสวก กล่าวปิดท้าย