บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือ ทอท. รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม เป็นองค์กรบริหารงานท่าอากาศยานระดับแห่งชาติของไทยซึ่งครบรอบปีที่ 39ในการเปิดดำเนินงาน
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท.เผยถึงการครบรอบ 39 ปีในการดำเนินงานว่าทอท.มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานมายาวนานกว่า 39 ปี และมีท่าอากาศยานภายใต้การบริหารของ ทอท.จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.)
ตลอด 39 ปีที่ผ่านมา ทอท.ได้ให้บริการเที่ยวบินทั้งสิ้น 10,503,326 เที่ยวบิน และผู้โดยสาร 1,573,696,970 คน ปัจจุบันมีสายการบินให้บริการเที่ยวบินประจำมากกว่า130 สายการบิน เชื่อมต่อจุดหมายปลายทางกว่า 200 จุดบิน
ก้าวต่อไปของทอท.จะมุ่งดำเนินการทั้งด้านการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยาน การพัฒนาโครงข่ายระบบท่าอากาศยาน การพัฒนาการดำเนินงานด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ การสร้างธุรกิจใหม่ๆ และการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อการอำนวย ความสะดวกและบริการผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน เช่น ทอท.ได้เร่งงานก่อสร้างโครงการพัฒนาทสภ.(ปีงบประมาณ 2554 – 2560) (ระยะ 2) ให้แล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ซึ่งเป็นงานตามโครงการฯได้ภายในปี 2563
นอกจากนั้นจะดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่2 ทสภ.เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้อีก30 ล้านคนต่อปี แบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 12 ล้านคนต่อปี และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 18 ล้านคนต่อปี
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทอท.เปิดเผยเพิ่มเติมว่าที่ผ่านมาคณะกรรมการทอท.ได้อนุมัติโครงการแล้วและ ทอท.จะเสนอให้กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป ทั้งนี้ เมื่อโครงการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี2562 และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564 นอกจากนี้ทอท.ยังอยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่3 ณ ทสภ.ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564 เช่นเดียวกัน
นายนิตินัย กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการพัฒนาทดม.จะมีการดำเนินการโครงการเร่งด่วนคือ เตรียมก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์เพื่อใช้เป็นที่พักคอยสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเป็นกลุ่มในเส้นทางระหว่างประเทศ เพื่อลดความหนาแน่นของผู้โดยสารในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ซึ่งอาคารดังกล่าวเป็นอาคาร 2 ชั้น แบ่งเป็น ชั้น 1 สำหรับจอดรถบัส และชั้น 2 สำหรับเป็นพื้นที่พักคอยผู้โดยสารที่เดินทางเป็นกลุ่มในเส้นทางระหว่างประเทศ โดยจะดำเนินการก่อสร้างบริเวณลานจอดรถบัสระหว่างอาคารสำนักงาน ทดม.และอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1
โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อลดความแออัดบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสาร โดยใช้งบเร่งด่วนปี 2561 และคาดว่าจะให้เสร็จในอีก 6 – 8 เดือนข้างหน้า ด้านทภก.ได้ดำเนินโครงการพัฒนา ทภก.(ปีงบประมาณ 2553 – 2557) เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยมีการเปิดอาคารผู้โดยสารภายในประเทศที่ปรับปรุงใหม่อย่างเป็นทางการ
“หลังจากนี้จะดำเนินโครงการพัฒนา ทภก.ระยะที่ 2 ให้แล้วเสร็จในปี 2565 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เป็น 18 ล้านคนต่อปี ส่วนโครงการพัฒนา ทชม. ทชร.และ ทหญ. ทอท.จะเร่งดำเนินการตามแผนงานต่อไป”
นายนิตินัย กล่าวว่า สำหรับก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 40 ของ ทอท.จะเป็นก้าวย่างที่สำคัญสำหรับองค์กรที่จะปรับรูปแบบการให้บริการการพาณิชย์และการบริหารงานภายในองค์กร รวมถึงการเชื่อมโยงการทำงานกับองค์กรอื่นขึ้นไปอยู่บนโลกเสมือนจริงโดยการปรับตัวครั้งใหญ่ของทอท.ไปสู่ยุค Thailand 4.0 ดังกล่าว หมายรวมถึง ระบบการตัดสินใจในการบริหารท่าอากาศยานร่วมระหว่างหน่วยงาน (Airport Collaborative Decision Making : A-CDM) และการพัฒนา AOT Application ที่จะช่วยการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารในรูปแบบต่างๆตลอดจนการส่งเสริมกิจกรรมเชิงพาณิชย์ของผู้ประกอบการในท่าอากาศยาน โดยเฉพาะร้านเล็กๆ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจชุมชน ฯลฯ ซึ่งฐานลูกค้าใน Digital Platform ที่คาดว่าจะมีจำนวนมากตามจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งนั้น นอกจากจะทำให้การให้บริการของ ทอท.มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะเป็นปัจจัยสำคัญในการต่อยอดการพัฒนา Thailand 4.0 ของรัฐบาลในมิติต่างๆ ต่อไปด้วย