CK เดินหน้าประมูลงานตั้งเป้าปีไก่เก็บ 3.5 หมื่นล้าน โชว์ Backlog 7.12 หมื่นล้านบาท ปลื้มรับรางวัล ESG 100 2 ปีติดต่อกัน
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่าบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ เช่น โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งคาดหวังว่าจะได้งานก่อสร้าง 20-25 เปอร์เซ็นต์ของงานทั้งหมด
ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สัญญาณการลงทุนในโครงการต่างๆจากภาครัฐในปี นี้น่าจะเป็นปีทองของธุรกิจก่อสร้าง เนื่องจากภาครัฐเองได้เตรียมออกโครงการขนาดใหญ่ออกมาเยอะ ซึ่งเราเองก็ได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีเอ็นจิเนียริ่ง อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและรองรับงาน ที่จะเข้าไปประมูลในอนาคต และหาโอกาสรับงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในประเทศแถบ AEC ซึ่งยังมีความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานอยู่
สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตอยู่ที่ระดับ 3.5 หมื่นล้านบาทเพราะมีโครงการในมือที่รอรับรู้รายได้ รวม 7.12 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในระยะเวลา 2 ปี รวมถึงหลังจากบริษัทชนะประมูลโครงการรถไฟฟ้าสีส้ม สายตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม แห่งประเทศไทย-มีนบุรี 3 สัญญาโดยสัญญา 1, 2 และสัญญา 5 จากความร่วมมือกับบริษัท ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น หรือ STEC ในกิจการร่วมค้า CKST ซึ่งจะส่งผลให้งานในมือของบริษัทเพิ่มประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท ทั้งยังมีงานรอเซ็นสัญญาอีก 2.69 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้มีงานในมือขึ้นอยู่ที่ระดับ 1 แสนล้านบาทได้
โครงการต่างๆบริษัทได้ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคมควบคู่ไปกับมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน ทำให้ปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับรางวัล ESG 100 ประจำปี 2559 จากสถาบันไทยพัฒน์ ในฐานะเป็น 1 ใน 100 บริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยมีดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เข้ารับรางวัลดังกล่าวจากคุณสุธิชา เจริญงาม รองผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์
ทั้งนี้ กลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 นับเป็นการจัดอันดับหลักทรัพย์ด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของหลักทรัพย์จดทะเบียนสำหรับรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงความเห็นของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับการนำผลการประเมินไปใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย