นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. เปิดเผยว่า สศอ.ได้ปรับปรุงและออกประกาศเรื่อง กระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญในเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการเสรี ปี2560 ใหม่ สาระสำคัญในประกาศดังกล่าว เป็นไปตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร ปี 2530 ที่ประกาศใช้เมื่อ 30 ธ.ค. ปี 2559 ที่กำหนดว่า การตั้งโรงงานในพื้นที่เขต Free Zone จะได้สิทธิลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ขณะเดียวกันกระบวนการผลิตที่เกิดขึ้นในประเทศ เมื่อตั้งในเขต Free Zone มีเงื่อนไขว่าจะต้องจำหน่ายเพื่อการส่งออก ในกรณีที่ผลิตขอจำหน่ายในประเทศ จะต้องใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวประกอบของตัวรถยนต์และ สศอ. ได้มอบให้ สถาบันยานยนต์ ทำหน้าที่ตรวจสอบผู้ผลิตชิ้นส่วน ว่าได้ดำเนินตามที่ประกาศกำหนดไว้หรือไม่ เพราะได้สิทธิประโยชน์จากการลงทุน จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ
ทั้งนี้เมื่อประกาศใหม่บังคับใช้จะยังคงเงื่อนไขและสิทธิด้านภาษีอากรทั้งหมดไว้ แต่เพิ่มมาตรการ การตรวจสอบกระบวนการผลิตของค่ายรถยนต์ทุกรายที่มีการลงทุนผลิตประกอบรถยนต์ทุกประเภท รวมถึงตรวจสอบ Supplier ด้วยทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายที่ลงทุนผลิตประกอบรถยนต์ทั้งหมดที่จะถูกตรวจสอบเริ่มตื่นตัวเกรงจะผิดเงื่อนไข
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า โดยเฉพาะค่ายรถยนต์จากฝั่งยุโรปที่ตั้งฐานการผลิตในไทยมาตั้งแต่ปี 2554 เริ่มแสดงความกังวล เนื่องจากตามเงื่อนไขการลงทุน ระบุไว้ว่าบริษัทขอลงทุนประกอบรถยนต์สำเร็จรูป แต่ไม่ได้ประกอบตัวถังและทำสีเอง และระยะเวลาต่อมาพบว่าค่ายรถยนต์ดังกล่าวนำเข้าตัวถังสำเร็จรูป ซึ่งถือเป็นรถยนต์สำเร็จรูปเข้ามา โดยได้รับการลดหย่อนภาษีอากรนำเข้า 80เปอร์เซ็นต์ และอยู่ระหว่างหารือหน่วยงานรัฐทั้งระดับกระทรวง ระดับประเทศและต่างประเทศให้ สศอ. กลับไปใช้ประกาศเดิม ที่จะตรวจสอบเฉพาะ Supplier เท่านั้น
ด้านนายกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย หนึ่งในนักลงทุนค่ายรถรายใหญ่จากยุโรป ได้รับการยืนยัน ว่าบริษัทดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างถูกต้องชัดเจน และยังไม่ทราบเรื่องนี้