กลุ่มบริษัท ปตท. ครบรอบ 42 ปี เข้ารับรางวัล Asean CG Scorcard ติดอันดับ Top 20 ในอาเซียน และจดทะเบียนด้านนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม SET AWARD 2020 เปิดโครงสร้างการลงทุนระยะ 5 ปี สร้างความเข้มแข็งธุรกิจ-ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมกัน
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)ครบรอบ 42 ปี เข้ารับรางวัล Asean CG Scorcard ติดอันดับ
Top 20 ในอาเซียน และรางวัลดีเด่นงาน SET AWARD 2020 แพลนการดำเนินธุรกิจในช่วง
5 ปีข้างหน้า ของกลุ่มปตท.เตรียมเงินทุนรวม 850,573 ล้านบาท
สร้างความเข้มแข็งขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศเติบโตไปพร้อมกัน
นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยถึงการเข้ารับรางวัล SET AWARD 2020 ว่า ปตท. ได้รับรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม (Best Investor Relations Awards) กลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันที่ ปตท. ได้รับรางวัลสูงสุดในประเภท Best Investor Relations Awards ที่มอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นด้านการดำเนินกิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์ และมีการดำเนินกิจการตามหลักธรรมาภิบาล ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ จากการสำรวจความพึงพอใจของนักวิเคราะห์ นักลงทุนไทยซึ่งรวบรวมผลการประเมินโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคาร
นอกจากนี้ ปตท.และบริษัทใน กลุ่ม ปตท. ยังได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2563 ประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ กลุ่ม ปตท. ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการบริหารงานตามหลักบรรษัทภิบาล
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2563 ปตท.และบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 225,672 ล้านบาท ลดลง 63,300 ล้านบาท หรือ 21.9 เปอร์เซ็นต์ มีกำไรสุทธิจำนวน 37,766 ล้านบาท ลดลง 55,185 ล้านบาท หรือ 59.4 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2562 ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจให้ยังคงมีความเข้มแข็ง เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้าระหว่างปี 2564-2568 กลุ่ม ปตท. เตรียมแผนลงทุนในวงเงินรวม 850,573 ล้านบาท (ไม่รวมโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการลงทุนหรือแสวงหาโอกาสในการลงทุน) และจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคตในระยะ 5 ปีข้างหน้า จำนวน 804,202 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง สร้างความเข้มแข็งและความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจไทย ทั้งในธุรกิจหลักของกลุ่มโรงกลั่น ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี มุ่งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการรุกธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต รวมถึงเชื่อมต่อคุณค่าจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมสู่ประชาชน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน เพื่อให้เกิดระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) ตั้งแต่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และก๊าซธรรมชาติ สู่ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า จนถึงธุรกิจแบตเตอรี่และการกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ ได้แก่ โครงการ LNG Terminal 2 (หนองแฟบ) โครงการโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 7 โครงการท่อก๊าซฯ บนบกเส้นที่ 5 รวมถึงการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ผ่าน บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) โดยมีเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 4.3 GW ภายในปี 2568