บริษัท ไทยโพลิเอททีลีน จำกัด หรือ ทีพีอี ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกในกลุ่มเอสซีจี เคมิคอลส์ เข้ารับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมประจำปี 2559 โดยมีนายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช ผู้ชวยผู้จัดการใหญ่ – ปฎิบัติการ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลล์ จำกัด เป็นตัวแทนเข้ารับรางวัลดังกล่าวจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ปฏิบัติการ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด กล่าวว่า รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเอสซีจี เคมิคอลส์ หลังจากบริษัททีพีอี เคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นใน 3 ประเภท คือ ประเภทการบริหารงานคุณภาพ ประเภทการบริหารความปลอดภัย และประเภทการจัดการพลังงาน การได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกคน โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและองค์กรอย่างต่อเนื่อง
“บริษัททีพีอีให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร ส่งผลให้การนำ Process Safety Management ระบบความปลอดภัยชั้นนำระดับโลก มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล รวมทั้งสร้างบรรยากาศที่เปิดโอกาสให้พนักงานกล้านำเสนอความคิดใหม่ๆ เพื่อพัฒนาทั้งกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ โดยบริษัททีพีอีได้นำความเชี่ยวชาญในกระบวนการผลิตมาทำงานร่วมกับทีมนักวิจัยของเอสซีจี เคมิคอลส์ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกให้ดียิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ ทีพีอีเป็น1ใน2โรงงานแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองเป็นต้นแบบโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2557 และยังดำเนินโครงการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นำมาซึ่งความยั่งยืนในการอยู่ร่วมกันระหว่างอุตสาหกรรมและชุมชน เช่น โครงการบ้านปลาจากท่อพีอี 100 และโครงการวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น
สำหรับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม The Prime Minister Best Industry Award เป็นรางวัลสูงสุดที่มอบให้เพียง 1 บริษัทในทุกๆปี จัดขึ้นโดยกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งแต่ปี 2546 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้มอบรางวัลเพื่อประกาศเกียรติคุณและสร้างแรงจูงใจให้กับสถานประกอบการอุตสาหกรรมในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในระดับสากล โดยมีหลักเกณฑ์การคัดเลือกคือ เลือกจากผู้ที่เคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น The Prime Minister Industry Award มาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ประเภทรางวัล โดยดูจาก 1. ความสามารถในการบริหารจัดการ 2. ความสามารถในการประกอบธุรกิจ 3. ความสามารถในการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีและองค์ความรู้ 4. ธรรมาภิบาล และ 5. ผลกระทบของกิจการต่อระบบเศรษฐกิจและการทำคุณประโยชน์ต่อสังคม
ภายในงานนายกรัฐมนตรีได้แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง“ศักยภาพอุตสาหกรรมไทยความท้าทายสู่อนาคต” ว่าเริ่มมองเห็นการฟื้นตัวจากเศรษฐกิจโลกโดยดูจากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2559 เพิ่มขึ้น 3.2 เปอร์เซ็นต์โดยแนวทางที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้คงจะต้องมีการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนการท่องเที่ยวและการลงทุน
“ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนประเทศ ทั้งนี้คนไทยกว่า 20 ล้านคน ยังเป็นเกษตรกร ดังนั้นภาคอุตสาหกรรมจะต้องช่วยภาคการเกษตรพัฒนาสินค้าต่างๆพร้อมทั้งนำนวัตกรรมมาช่วยในการผลิตให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น รวมถึงต้องสนับสนุนธุรกิจ SMEs ที่มีมากกว่า 3 ล้านรายด้วย”
สำหรับปัญหาการว่างงานของแรงงานไทยดีขึ้นแต่ยังต้องพัฒนาแรงงานฝีมือให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะแรงงานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ แนวทางการพัฒนาด้านเศรษฐกิจจะให้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ตะวันออกของประเทศที่ต่างชาติให้ความสนใจ รวมถึงพัฒนาชนบทให้เป็นเมืองเพื่อให้ประชาชนมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น