BAFS ชูผลงานเด่นในรอบ 5 ปี ชง 4 ปัจจัยหนุนอุตฯ การบินขยายตัวปี 68 เข้มมาตรฐาน ISO 45001:2018 การันตีคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย
BAFS ผงาดรับท่องเที่ยวฟื้น ตอกย้ำความสำเร็จ โชว์ผลงานแกร่งสุดในรอบ 5 ปี กำไรโตต่อเนื่อง 3 เท่า ส่งสัญญาณผลงานครึ่งปีหลังทะยานต่อ ขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ บวกแนวโน้มการท่องเที่ยวหนุน เดินหน้าเต็มศักยภาพร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบิน ด้วยคุณภาพมาตรฐาน ISO45001:2018 เป็นสำคัญ

ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า บาฟส์มุ่งมั่นวางรากฐานและโครงสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งและทันสมัย พร้อมขยายการเติบโต ต่อยอดธุรกิจเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจบริการพลังงานอย่างยั่งยืน ด้วย 4 จุดแข็งที่สำคัญ ด้วยความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินของ BAFS Group ที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 5 ปี (2563-2567) เห็นได้จาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยอดเติมน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้จะสูงถึง 5,100 ล้านลิตร หรือเท่ากับ 84 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับก่อนโควิด (2562) ความแข็งแกร่งทางโครงสร้างรายได้จากกลยุทธ์กระจายความเสี่ยง โดยบริษัทในเครือกลุ่มบริษัทบาฟส์ สามารถสร้างรายได้ซึ่งส่งผลต่อกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เห็นได้ชัดจากรายได้จากค่าบริการขนส่งน้ำมันของ บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด ที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 27 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงยอดจำหน่ายรถเติมน้ำมันอากาศยาน ของ บริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อีกหนึ่งความแข็งแกร่งที่นับเป็นหัวใจสำคัญของบาฟส์ คือความพร้อมในการให้บริการและมาตรฐานความปลอดภัย ด้วยประสบการณ์การให้บริการน้ำมันอากาศยานแบบครบวงจรกว่า 40 ปี ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง สุวรรณภูมิ สมุย สุโขทัย และตราด และยังยืนยันความพร้อมที่จะเข้าร่วมกระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการเพื่อให้บริการเติมเชื้อเพลิงอากาศยานในอนาคตอีกด้วย จุดแข็งสุดท้ายคือ ความพร้อมสำหรับอุตสาหกรรมการบินในอนาคต คือการเป็นฟันเฟืองสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) โดยมีจุดยืนในการส่งเสริมให้ตลาดการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนเป็นไปอย่างเสรี
นอกจากนี้ ยังมี 4 ปัจจัยหนุน ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบาฟส์ จากการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวในปี 2567 ที่คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทย 37 ล้านคน และมีแนวโน้ม เติบโตต่อเนื่องในปี 2568 ที่ระดับ 40 ล้านคน จากโครงการพัฒนาท่าอากาศยานให้มีความพร้อมรองรับการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการทางวิ่งเส้นที่ 3 ในช่วงปลายปี 2567 รวมทั้งโครงการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (Satellite 2 : SAT-2) และพัฒนาส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมืองอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนา ทดม.เฟส 3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้านคนต่อปี เป็น 40 ล้านคนต่อปี
“ธุรกิจของกลุ่มบริษัทบาฟส์ จะเดินหน้าตามกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมตอบรับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ได้อย่างทันท่วงที โดยจะติดตามสถานการณ์และปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ควบคู่กับการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ผนึกกำลังทางธุรกิจและผสานประโยชน์ร่วมกันในกลุ่มบริษัทฯ เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันใหม่ ๆ ที่จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ด้วยปณิธาน เติมพลังก้าวหน้า นำพาโลกยั่งยืน”มล. ณัฐสิทธิ์กล่าว
ทางด้านผลงานคุณภาพบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการทำงาน การจัดการด้านอาชีวอนามัย รวมถึงคุณภาพชีวิตสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีตามกฎหมายและตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 และให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานตามข้อกำหนดและระเบียบปฏิบัติตาม Joint Inspection Group (JIG) เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุระหว่างการปฏิบัติงานที่ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บจนถึงขั้นหยุดงานจากการทำงานของพนักงานตั้งแต่ 3 วันขึ้นไปในทุกพื้นที่การทำงาน ทั้งในเขตอาคารสำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติการให้บริการน้ำมัน โดยกำหนดนโยบาย แนวทางการดำเนินงานและมาตรการตรวจประเมินประสิทธิผลของการจัดการ ให้มีประสิทธิภาพเทียบเคียงมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ภายในปี 2567 บาฟส์ ยังเร่งขับเคลื่อนโครงการต่างๆ หลายโครงการ ที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความรู้ความปลอดภัยในการทำงาน แนวทางการลดอุบัติเหตุและพัฒนาทักษะการทำงาน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายเติมเต็มความรู้ สร้างความเข้าใจด้านความปลอดภัย สู่จุดหมายอุบัติเหตุเป็นศูนย์เป็นสำคัญ