บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เข้ารับมอบเข็มที่ระลึกและประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติ รางวัล CHIEF INNOVATION OFFICER (CIO) จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โดยมีคุณสวรรยา ตรีวิศวเวทย์ ผู้จัดการสำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นผู้แทนเข้ารับมอบจาก ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่มอบให้เพื่อเชิดชูเกียรติผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมภายในองค์กร รวมถึงสร้างให้เกิดความภาคภูมิใจในการเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนนวัตกรรมของประเทศไทยไปสู่การเป็นชาติแห่งนวัตกรรม
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK กล่าวว่า บริษัทได้เสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปคืนหนี้เงินกู้เดิม และเพื่อรองรับการลงทุนหรือขยายธุรกิจ ทั้งนี้ จากการสำรวจความต้องการของผู้ลงทุน ปรากฏว่ามีผู้ลงทุนทั้งประชาชนทั่วไปและสถาบันให้ความสนใจจองซื้อหุ้นกู้จำนวนมาก
บริษัทขอขอบคุณผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นและไว้วางใจลงทุนในหุ้นกู้ ช.การช่าง พร้อมทั้งขอขอบคุณสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ จนทำให้การขายประสบผลสำเร็จเกินเป้าหมายที่วางไว้หลังจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจและแสวงหาโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะบริษัทชั้นนำของประเทศที่ดำเนินธุรกิจก่อสร้างและบริหารโครงการสัมปทานระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งในประเทศและในระดับภูมิภาคอย่างครบวงจร
ด้านนายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และกรรมการบริหาร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า มั่นใจทุกบริษัทในกลุ่ม CK มีผลการดำเนินงานดีทั้งกลุ่ม และปี 2566 จะเป็นปีที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ของ CK และ BEM รายได้กำไรของ BEM จะทำ New High รวมถึง Backlog ของ CK จะทำสถิติสูงสุดในรอบ 50 ปี
สำหรับในส่วนของ CK นายพงษ์สฤษดิ์กล่าวว่า 1-2 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ผลประกอบการที่ 2564 มีรายได้ก่อสร้าง 12,198 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีรายได้ก่อสร้าง 18,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.35 กำไรสุทธิ 1,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 199 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.96 มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7.66% ณ ปัจจุบัน Backlog มูลค่ารวม 55,867 ล้านบาท จากโครงการ Purple Line ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ และโครงการDouble Track ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
สำหรับภาพรวมปี 2566 ถือเป็นปีที่ CK กลับมาเป็นปกติ จากงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการควบคุมต้นทุนที่ดี ทำให้มีกำไรดีขึ้นต่อไปเรื่อยๆ และบริษัทในกลุ่ม ช.การช่างได้แก่ BEM,TTW, CKP จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ ส่งผลให้ทุกบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นและมีปันผลที่ดี โดยปัจจุบัน CK ถือหุ้น BEM รวมทั้งสิ้นกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ เพราะมั่นใจในศักยภาพของ BEM และยังมีโอกาสในการเข้ารับงานจากโครงการทางด่วนและรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายต่างๆในอนาคต และงานประมูลโครงการอื่นๆ อาทิ โครงการAirport โครงการDouble Track โครงการMotorway ซึ่ง CK และ BEM มีประสบการณ์ มีความพร้อมและศักยภาพอย่างมากในการเข้าไปดำเนินงานให้กับภาครัฐ.