บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้รับคะแนนการประเมินด้านความยั่งยืน เป็นอันดับที่ 1 ของโลก สมาชิกในกลุ่มดัชนีโลก และดัชนีตลาดเกิดใหม่ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า การประเมินดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ ปตท.แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน ดำเนินธุรกิจบนหลักการ ยั่งยืนอย่างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการจัดอันดับเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประเทศไทย และเป็นอันดับ 4 ของภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย รางวัลดังกล่าว จัดโดย Brand Finance บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการประเมินมูลค่าแบรนด์ชั้นนำของโลก ด้วยมูลค่าแบรนด์กว่า 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 25 จากปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลมาจากการปรับตัวทางธุรกิจ ผลประกอบการ และการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เปิดเผยว่า ปตท. ยังมีเป้าหมาย NET ZERO ในปี พ.ศ. 2593 สร้างการเติบโตควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจก ผลักดันธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับไฮโดรเจน และการดำเนินโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยทำงานแบบบูรณาการทั้งกลุ่ม ปตท.
สำหรับแผนการลงทุนระยะ 5 ปี ระหว่างปี 2568 – 2572 ตั้งงบไว้ประมาณ 54,463 ล้านบาท เน้นลงทุนธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ แบ่งใช้ในปี2568 จำนวน 25,627ล้านบาท, ปี2569 จำนวน 12,636 ล้านบาท ปี2570 จำนวน 7,324 ล้านบาท ,ปี2571 จำนวน 4,037 ล้านบาท, และปี2572 จำนวน 4,839 ล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 64 ของงบฯลงทุน 5 ปี
โดยมีโครงการหลัก อาทิโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 รวมถึงการลงทุนเพื่อแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศอย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ขณะเดียวกัน ปตท. ยังมีการลงทุนผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นร้อยละ 100 อาทิ การลงทุนของบริษัทในกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และการลงทุนในธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย เช่น โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 เป็นต้น
นอกจากนี้ ปตท. ยังคงศึกษาและแสวงหาโอกาสในการขยายการลงทุนในอนาคต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันตามวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของกลุ่ม ปตท.