มิตซูบิชิ มอเตอร์สฯ ประกาศความสำเร็จด้วยยอดส่งออกรถยนต์ครบ 3 ล้านคัน ตอกย้ำมาตรฐานคุณภาพด้วยฝีมือคนไทยและฐานการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดในตลาดโลก
นายโมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคณะบริหารบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ร่วมกันเป็นสักขีพยานแห่งความสำเร็จยอดส่งออกรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศไทยส่งออกครบ 3 ล้านคัน ในระยะเวลา 3 ปี
ความสำเร็จของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในครั้งนี้ ได้ตอกย้ำมาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพสูงระดับโลกด้วยฝีมือคนไทยที่น่าภาคภูมิใจ โดยมิตซูบิชิมีโรงงานอยู่ในประเทศไทย 3 โรงงาน และโรงงานเครื่องยนต์อีก 1 โรงงาน ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส นอกประเทศญี่ปุ่น โดยมีกำลังการผลิตสูงถึงปีละ 420,000 คัน
ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ส่งออกผลิตภัณฑ์ยานยนต์นวัตกรรมสูงไปยังประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศทั่วโลก โดยมีตลาดหลัก ได้แก่ กลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชียคิดเป็นสัดส่วน 29 เปอร์เซ็นต์ อเมริกาใต้ 27 เปอร์เซ็นต์ ยุโรป 22 เปอร์เซ็นต์ โอเชียเนีย 12 เปอร์เซ็นต์ แอฟริกา 5 เปอร์เซ็นต์ และตะวันออกกลาง 5 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามในยอดส่งออกรถยนต์ 3 ล้านคันนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์สฯ มียอดการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน เพื่อส่งออกในสัดส่วนสูงที่สุดถึง 43 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการตอบรับนโยบายภาครัฐที่มุ่งให้ไทยลเป็นฐานการผลิตรถกระบะในเวทีระดับโลก
นอกจากนี้มิตซูบิชิยังการันตีความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมประจำปี 2016 จัดขึ้นโดย OTOMOTIFNET.COM โดยการจัดงานครั้งที่ 9 oมีรางวัลแบ่งออกเป็น 32 สาขา สำหรับรถยนต์ และอีก 22 สาขา ที่เป็นรางวัลสำหรับรถจักรยานยนต์
รางวัลรถยอดเยี่ยมที่มิตซูบิชิได้รับในปีนี้ประกอบด้วย 4 รางวัล ดังนี้
- มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ได้รับรางวัล รถกระบะยกสูงยอดเยี่ยม ประเภทเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี ซึ่งได้รับรางวัลนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่2
- มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ได้รับรางวัล รถกระบะอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ยอดเยี่ยม ประเภทเครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 2,500 ซีซี
- มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ ได้รับรางวัล รถยนต์อีโค คาร์ ประหยัดน้ำมันยอดเยี่ยมต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
- มิตซูบิชิ แอททราจ ได้รับรางวัล รถยนต์อีโค คาร์ที่ให้ความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยม
ทั้งนี้ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศแต่งตั้ง 2 ผู้บริหารคนไทยดำรงตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ โดยนายอัสนีย์ กุลโกวิท ดำรงตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานวิศวกรรมการผลิต และนายเอกอธิ รัตนอารี ดำรงตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานนวัตกรรมการปฏิบัติงาน เพื่อเสริมทีมบริหารให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและร่วมขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด
นายอัสนีย์ มีหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบการเตรียมงานโครงการในส่วนต่างๆ ทั้งด้านเทคนิค การเตรียมความพร้อมของเครื่องจักร รวมถึงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อการผลิตและสนับสนุนการผลิตให้กับโรงงานผลิตรถยนต์ทั้ง 3 แห่งและโรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่งของมิตซูบิชิที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ด้วยฝีมือการผลิตของคนไทยอย่างแท้จริง ซึ่งโรงงานทั้ง 4 แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และมีฐานะเป็นโรงงานต้นแบบของประเทศในอาเซียน ที่มีคุณภาพสูงและมาตรฐานระดับโลก
นายอัสนีย์ กล่าวว่า เป้าหมายในการทำงานต่อจากนี้ไป เรามุ่งส่งเสริมให้โรงงานผลิตในประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในการทำตลาดส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเน้นคุณภาพที่สูงขึ้นของรถทุกคันที่ผลิตออกจากโรงงาน รวมถึงสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้มีความสามารถมากขึ้น
นายเอกอธิ ดูแลสายงานนวัตกรรมการปฏิบัติงาน โดยมีขอบข่ายความรับผิดชอบด้านการพัฒนาธุรกิจในประเทศ ด้านพัฒนาทรัพยากรบุคคล รวมถึงด้านการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
“เราต้องสร้างความแข็งแกร่งของการปฏิบัติงานของผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อยกระดับแบรนด์มิตซูบิชิ จึงได้มีการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เราเชื่อว่า ทรัพยากรบุคคลนั้นสำคัญมาก ซึ่งต้องพัฒนาความสามารถของบุคลากรของเราตลอดเวลา เพื่อให้บริษัทมีการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน” นายเอกอธิกล่าว