ปตท. ชูรางวัลสูงสุดด้านความยั่งยืน และรางวัลยอดเยี่ยมด้านนวัตกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 (SET AWARDS 2022) และรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ปี 2565 ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม สะท้อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมปั้นแผน 5 ปี “ Powering Life with Future Energy and Beyond ”ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. ได้รับรางวัล SET AWARDS ประจำปี 2565 ที่จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร รวม 2 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) และรางวัลบริษัทยอดเยี่ยมด้านนวัตกรรม (Best Innovative Company Awards) สะท้อนความมุ่งมั่นของ ปตท. ที่ขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างต่อเนื่อง
รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน หรือ Sustainability Awards of Honor เป็นรางวัลสูงสุด โดย ปตท.ได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากการปรับแผนการลงทุนสู่ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ครอบคลุมธุรกิจเกี่ยวเนื่องในระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมถึงการพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้ประกาศเจตนารมณ์ มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี ค.ศ. 2040 และเป้าหมาย Net Zero Emissions ในปี ค.ศ. 2050 เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยที่กำหนดไว้ในปี ค.ศ. 2065 และแสดงออกถึงการปฏิบัติจริงเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ทิศทางความยั่งยืน
อนึ่ง รางวัลเกียรติยศแห่งความสำเร็จด้านความยั่งยืน เป็นรางวัลที่มอบให้แก่องค์กรที่เคยได้รับรางวัล Best Sustainability Awards ติดต่อกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป แสดงถึงความสามารถขององค์กรในการรักษาความโดดเด่นและยอดเยี่ยมด้านความยั่งยืน
ด้านรางวัลบริษัทยอดเยี่ยมด้านนวัตกรรม หรือ Best Innovative Company Awards ได้รับรางวัลติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยได้รางวัลจากผลงานการพัฒนานวัตกรรม “PTT EV Charger and Charging Platform” ซึ่งคิดค้นและพัฒนา โดยสถาบันนวัตกรรม ปตท. เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันและอนาคตที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ แทนรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดย EV Charger นับเป็นนวัตกรรมที่มีความใหม่ในระดับประเทศ และ PTT EV Charging Platform เป็นนวัตกรรมที่มีความใหม่ระดับโลกอีกด้วย
รวมทั้ง โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง ปตท. ผ่านการตรวจประเมินและได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นจากกระทรวงอุตสาหกรรม ประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม ประจำปี พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงคุณค่าและเป็นกำลังใจแก่ผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีความวิริยอุตสาหะในการสร้างสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทย
โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยองได้ดำเนินธุรกิจแยกก๊าซธรรมชาติ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับก๊าซธรรมชาติและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมุ่งมั่นเป็นองค์กรที่สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ พัฒนาสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยการสร้างนวัตกรรมและนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกภาคส่วน โดยล่าสุดได้ใช้องค์ความรู้ด้านวิศวกรรมนำความเย็นที่เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนสถานะของก๊าซฯ จากกระบวนการผลิตมาปรับใช้เพาะปลูกพืชเมืองหนาว คือ สตรอว์เบอร์รีพันธุ์ Akihime ที่โรงเรือนอัจฉริยะ ณ สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพฯ จังหวัดระยอง ให้ผลผลิตตลอดทั้งปี อันเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ทั้งด้านเกษตรวิศวกรรม เทคโนโลยีการปลูกสู่เกษตรกรในพื้นที่ จังหวัดระยอง ซึ่งปตท. พร้อมเป็นฟันเฟืองสนับสนุนนโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ สร้างคุณค่าต่อสังคมไทยและประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับแผนการลงทุนของกลุ่มปตท. 5 ปี (2565-2569) อยู่ที่ 944,000 ล้านบาทหรือราว 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ใช้ในธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น 54
เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย
31 เปอร์เซ็นต์ธุรกิจไฟฟ้า4 เปอร์เซ็นต์ และ
ธุรกิจที่ปตท.ดำเนินการเอง 11
เปอร์เซ็นต์
“งบลงทุน 5 ปีนี้ของปตท.และบริษัทย่อยที่ปตท.ถือหุ้น100 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 102,165 ล้านบาท โดย 80
เปอร์เซ็นต์ ใช้ขยายการลงทุนในธุรกิจหลัก
เช่น โรงแยกก๊าซฯ,ท่อส่งก๊าซฯ
คลังLNG และท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ส่วนลงทุนที่เหลือราว
20 เปอร์เซ็นต์เป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยปีนี้
ปตท.มีแผนขยายการลงทุนทั้งการร่วมทุน การเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการ(M&A)เพิ่มเติมด้วย
โดยตามแผนลงทุน 5 ปีตามวิสัยทัศน์ใหม่”Powering Life
with Future Energy and Beyond” ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต” นายอรรถพล กล่าว