โฮมโปรโชว์รายได้ 9 เดือนแรก ยอดทะลุกว่า 45,055 ล้านบาท

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ โฮมโปร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย ใน 9 เดือนแรกปี2559 ว่าบริษัทมีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 2,805.27ล้านบาท เพิ่มขึ้น 448.70ล้านบาท หรือ 19.04 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี2558 ที่ผ่านมา

บริษัทมีรายได้รวมจำนวน45,055.56ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,085.32ล้านบาท หรือ 9.97เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจาก รายได้จากการขาย จำนวน 4,2074.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,655.69 ล้านบาท หรือ 9.52 เปอร์เซ็นต์ จากการเติบโตของสาขาใหม่ของธุรกิจโฮมโปร และเมกาโฮม รวมถึงจากการขายงาน โฮมโปรแฟร์รายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 1,254.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220.97ล้านบาท หรือ 21.38เปอร์เซ็นต์ จากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ โดยเฉพาะจากการขยายและปรับปรุงของศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ สาขาสุวรรณภูมิ ซึ่งเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคมปี 2558 ที่ผ่านมา รวมถึงรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติมของสาขาโฮมโปรและมีรายได้อื่น จำนวน 1,727.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208.66ล้านบาท หรือ 13.74เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้การส่งเสริมการขาย รวมถึงรายได้จากค่าบริการ โฮม เซอร์วิส จากลูกค้า

ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรขั้นต้นเป็นจำนวนเงิน10,636.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 739.73ล้านบาท หรือ 7.47เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงจาก 25.76เปอร์เซ็นต์ เป็น 25.28เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเมกา โฮมที่ต่ำกว่าโฮมโปร และมีสัดส่วนของยอดขายของธุรกิจเมกาโฮมที่สูงขึ้น

บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 9,695.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 632.24 ล้านบาท หรือ6.98เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ โฮมเซอร์วิสซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนการให้บริการแก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงจาก 23.59เปอร์เซ็นต์ เป็น 23.04เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลจากการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ

นายคุณวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในภาพรวมการประกอบธุรกิจของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 3 การบริโภคภาคเอกชนมีการขยายตัวอย่างช้าๆ รวมถึงด้านกำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งในปีนี้อัตราการตกของฝนเฉลี่ยสูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาคการก่อสร้าง การตบแต่งและปรับปรุงบ้าน รวมถึงความสะดวกของลูกค้าในการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ส่งผลให้อัตราการเติบโตของยอดขายในสาขาเดิมของโฮมโปรชะลอตัวลงเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตามบริษัทมีการกระตุ้นยอดขายทั้งในรูปแบบการส่งเสริมการขายและการจัดกิจกรรมเพิ่มเติม เช่น การจัดงาน โฮมโปรแฟร์ ที่จัดในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นครั้งแรก ถือได้ว่าเป็นส่วนช่วยในการผลักดันยอดขายในไตรมาสที่ 3 ทางด้านธุรกิจเมกาโฮม ได้รับผลกระทบจากฤดูฝนเช่นกัน แต่ผลการดำเนินงานยังเติบโตในระดับที่น่าพอใจ