บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศมากว่า 27ปี เปิดโครงการคอนโมมิเนียมจำนวน 6,397 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการรวม 22,030 ล้านบาท มากที่สุดในรอบ 5 ปี ขยับขึ้นครองอันดับ 2 ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ของปี 2562 ว่า 2ไตรมาสที่ผ่านมาตลาดยังคงจะชะลอตัว โดยในไตรมาสนี้จะไม่เห็นการปรับขึ้นของซัพพลายใหม่หรือราคาขายที่เพิ่มขึ้น แต่มีการประเมินว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเน้นเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังแทน
ขณะที่ดีมานด์ยังส่งสัญญาณที่ดี โดยเฉพาะความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มเรียลดีมานด์ทั้ง บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ประกอบกับบริษัทมีการออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การดำเนินงานช่วงไตรมาส 1/2562 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,212.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.5 ล้านบาท คิดเป็น 11.4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ รายได้จากการขายและบริการ
ขณะที่กำไรสุทธิ 159.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13.2 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้รวม ลดลง 4.8 ล้านบาท คิดเป็น 2.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 164.6 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทได้จัดโปรโมชั่นเพื่อการกระตุ้นยอดขายตั้งแต่ปี 2561 และเกิดการรับรู้รายได้ในปี 2562 รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างหลายโครงการ อาทิ นิช โมโน สุขุมวิท – ปู่เจ้า นิช ไอดี พระราม 2 นิชโมโน สุขุมวิท 50 และ เดอะคิทท์พลัส พหลโยธิน – คูคต
อย่างไรก็ตามไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นมาจากการขายที่อยู่อาศัย 997.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.9 ล้านบาท คิดเป็น 11.3เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแยกเป็นรายได้จากการร่วมลงทุนและต่อยอดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบในต่างจังหวัดภายใต้ บริษัท เสนา วณิช ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่สามารถรับรู้รายได้ครั้งแรกจากโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นจากโครงการแนวราบต่างจังหวัด คิดเป็น 32.9 ล้านบาท รวมทั้ง แบรนด์ นิช จำนวน 235 ยูนิต มูลค่า 531.0 ล้านบาท แบรนด์ เดอะ คิทท์ จำนวน 91 ยูนิต มูลค่า 156.5 ล้านบาท และประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ ภายใต้แบรนด์ เสนาพาร์ควิลล์,เสนาพาร์คแกรนด์,เสนาวิลล์,แพรมาพร จำนวน 25 ยูนิต มูลค่า 138.4 ล้านบาท ช็อปเฮ้าส์และอเวนิว จำนวน 18 ยูนิต มูลค่า 138.5 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากค่าเช่าและบริการ 182.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4 ล้านบาท คิดเป็น 10.5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้ ประกอบด้วย รายได้ค่าเช่าและบริการอพาร์ทเม้นท์ 3.9 ล้านบาท รายได้บริหารนิติบุคคล 8.6 ล้านบาท รายได้ธุรกิจเช่าโกดัง 7.5 ล้านบาท รายได้คอมมูนิตี้มอลล์เสนาเฟสท์ 19.8 ล้านบาท รายได้จากสนามกอล์ฟเท่ากับ 31.6 ล้านบาท รายได้รับบริหารโครงการ 99.4 ล้านบาท รายได้จากการให้เช่าที่ดิน 0.9 ล้านบาท และรายได้ค่านายหน้า-ที่ปรึกษาขายอสังหาริมทรัพย์ 10.9 ล้านบาท
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SENA เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในส่วนของรายได้จากธุรกิจโซลาร์ 4.5 ล้านบาท ลดลง 0.8 ล้านบาท คิดเป็น 15.1เปอร์เซ็นต์ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีการตกลงซื้อขายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง สำหรับระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป)กับ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้
บริษัทยังมองหาโอกาสในการขายไฟฟ้าตรงให้กับเอกชนหรือ Private PPA อนาคตโซลาร์ยังมีการเติบโตจากเทคโนโลยีที่พัฒนาให้ต้นทุนต่ำลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะขณะนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้านครหลวง เปิดให้มีการยื่นเสนอขายไฟฟ้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชนที่เหลือจากการใช้ เสนาในฐานะผู้นำในการพัฒนาหมู่บ้านโซลาร์เจ้าแรก ได้มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมนโยบายรัฐที่คาดว่าบ้านที่ติดโซลาร์ในอนาคตจะได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อมากขึ้น
สำหรับในปีที่ผ่านมามีดีเวลลอปเปอร์หลายราย สร้างสถิติและผลงานที่สวยงามเกิดขึ้น จากการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง และมีความแม่นยำ ประกอกกับการวางกลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจนและแตกต่าง หนึ่งในดีเวลอปเปอร์ในนั้น คือSENAที่สามารถขึ้นแท่นครองแชมป์เบอร์ 2 ในธุรกิจเรียลเอสเตท “เราต้องการสร้างความแตกต่างจากดีเวลลอปเปอร์ในตลาด และสร้างจุดขายให้ไม่เหมือนใคร บริษัทพยายามคิดและพัฒนาที่อยู่อาศัย ตลอดจนการบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด โดยใส่ใจในทุกรายละเอียดความต้องการทุกเรื่องของผู้หญิง เพราะเสนาเชื่อว่าถ้าตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิงที่มีความละเอียดลออในการคิด การเลือกซื้อสิ่งของต่างๆได้ ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการทุกชีวิตในครอบครัวได้อย่างแน่นอน” ผศ.ดร.เกษรา กล่าวทิ้งท้าย