30 ปี เพาเวอร์ไลน์จากกำลังเล็กๆสู่ผู้รับเหมารายใหญ่

นายเสวก ศรีสุชาตประธานกรรมการบริหารบริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) PLEเปิดเผยว่าบริษัทเริ่มก่อตั้งเมื่อปี2531เกิดจากการรวมตัวของวิศวกรกลุ่มเล็กๆที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆโดยเฉพาะการติดตั้งระบบประกอบอาคารและงานด้านก่อสร้าง เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ในปัจจุบัน

30 ปีที่ผ่านมาPLE สร้างสรรผลงานมาแล้วกว่า 100 โครงการ ไม่ว่างานอาคารราชการ ศูนย์การค้า ออฟฟิศ สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ยังเป็นเจ้าแรกให้บริการด้านวิศวกรรมก่อสร้างและติดตั้งงานระบบครบวงจร ตั้งแต่งานก่อสร้างและออกแบบทั่วไป รวมถึงจัดหาและติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล ระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบปรับอากาศ และระบบสื่อสารโทรคมนาคม ทั้งในและต่างประเทศ

งานแรกที่รับคือสร้างศูนย์การค้าโซโหวงเงิน 1,000 ล้านบาท โครงการนี้สร้างปัญหาให้กับเราในสมัยนั้น เพราะเจ้าของไม่ใช่มืออาชีพเก็บเงินไม่ได้รอเขามาจ่ายเงินให้ 2 ปีเลยตัดสินใจก่อสร้างและเปิดบริการศูนย์การค้าเอง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราชำนาญแต่เมื่อลงทุนไปแล้วต้องเดินหน้าต่อจนเมื่อปลายปีที่แล้วก็แก้ปัญหาได้ โดยขายต่อไป 2,000 ล้านบาท ก็ถือกว่าเสมอตัวเพราะไม่ใช่แค่ค่าก่อสร้างยังมีดอกเบี้ยที่กู้เงินมาก่อสร้างอีกแต่ก็เป็นบทเรียนให้เราตรวจสอบงานมากขึ้น

บริษัทขยายตัวเรื่ยมาสามารถระดมทุนได้ง่ายและด้วยไฟต์บังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯจะต้องมีงานในมือเพิ่ม มีโครงการบ้านเอื้ออาทร นับว่าเป็นโปรเจ็กต์ปราบเซียนเพราะใช้รูปแบบให้เอกชนจัดหาที่ดินและก่อสร้างให้ตามที่กำหนดโควตาไว้ บริษัทได้โควตา 30,000 หน่วย แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลถูกปรับลดเหลือ 7,000 หน่วย

ขณะนี้ที่ดินที่บริษัทซื้อมาเพื่อพัฒนายังเหลืออีกหลายแปลง เช่นที่ดิน 90 ไร่ ใกล้นิคมสหพัฒน์ จังหวัดลพบุรี 30 ไร่ จำนวน 2 แปลง จังหวัดบุรีรัมย์ 40 ไร่ ใกล้สนามแข่งรถช้าง จังหวัดปทุมธานีติดถนนรังสิต-นครนายก คลอง 10 จำนวน 10 ไร่ ปัจจุบันทำเป็นโรงงานพรีแฟบโครงเหล็กเมื่อ 7 ปีที่แล้ว บริษัทเข้าไปชิมลางงานเมกะโปรเจ็กต์ สร้างศูนย์ซ่อมบำรุง (เดโป้) ให้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-คลองบางไผ่) ที่สถานีคลองบางไผ่ วงเงิน 5,000 ล้านบาท หวังจะนำมาเป็นผลงานเพื่อเข้าประมูลโครงการอื่น ๆ แต่กลายเป็นผลงานที่เราต้องจดจำ เพราะขาดทุนร่วม 1,000 ล้านบาท จากปัญหาน้ำท่วมและแรงงานขาดแคลน จนต้องนำเข้าแรงงานต่างด้าว 2,000 คนมาทดแทน เกิดค่าโอเวอร์เฮด

ล่าสุดเราได้งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 วงเงินประมาณ 14,200 ล้านบาท ร่วมลงทุนกับไซน่าสเตท รับเหมาจีน เรา 51เปอร์เซ็นต์ จีน 49เปอร์เซ็นต์นับว่าเป็นงานใหญ่ในรอบ 30 ปี ที่เราเป็นผู้รับเหมาหลักขณะนี้กำลังเริ่มงานก่อสร้าง

“รถไฟทางคู่เฟส 2 ก็เป็นอีกโอกาสที่จะเราเข้าไปส่วนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คงจะเป็นงานใหญ่สำหรับเราเกินไป เพราะต้องลงทุน PPP เรื่องทุนก่อสร้างต้องมาก่อน เรารอเป็นหลังบ้าน เพราะงานใหญ่ต้องใช้รับเหมาหลายรายก่อสร้าง แม้ว่าเราจะเป็นผู้รับเหมาโตมาจากงานระบบอาคาร แต่ก็อยากจะขยายไปยังระบบรางด้วย รวมถึงด้านพลังงานก็เป็นอีกธุรกิจที่เราสนใจ เพราะเคยทำไบโอแมสมาแล้ว และผมเองก็เคยทำงานที่ บี.กริม มาก่อน”

ประธานกรรมการบริหารบริษัทPLE เปิดเผยต่อว่า หากปีนี้งานภาครัฐเปิดประมูล และบริษัทได้งานใหม่เพิ่ม คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท รายได้หลักยังคงเป็นงานระบบ 60-70เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือมาจากงานก่อสร้างเนื่องจากประเมินแล้ว ตลาดรับเหมาไม่ค่อยมีปัจจัยเสี่ยงมากนักทั้งราคาวัสดุก่อสร้าง แรงงาน หรือแม้แต่สถานการณ์การเมือง

ในอนาคตหน้ารายได้ของบริษัทแตะ 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเตรียมนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในงานก่อสร้างมากขึ้น รับกับเทรนด์ตลาดที่เข้าสู่ยุคดิจิทัล เช่น ระบบ AI BIM ระบบเทคโนโลยีการออกแบบก่อสร้างการเขียนภาพ 3 มิติ