43 ปี สหมิตรถังแก๊ส คว้ารางวัล “Set ESG Ratings” ระดับ AA ตอกย้ำผู้ผลิตและจำหน่ายถังแก๊ส มากกว่า 10 ล้านใบต่อปี หนุนเป้ายอดขาย 20 เปอร์เซ็นต์ รุกส่งออก 100 ประเทศทั่วโลก

บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ได้รับการประกาศผลการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ในระดับ AA จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชูกลยุทธ์การขายโดยเน้นเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ถังทนความดันต่ำประเภทอื่นๆ เพิ่มมาร์จิ้น ลุยขยายตลาดในภูมิภาคที่หลากหลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุนยอดขายเติบโต 20 เปอร์เซ็นต์ ตามแผน

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ SMPC เปิดผลประกอบการของบริษัทไตรมาส 1/67 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 154.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106.30 ล้านบาท หรือคิดเป็น 221.5 เปอร์เซ็นต์ จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 47.99 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น สุทธิกับต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

มียอดขายรวมอยู่ที่ 1,143.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 327.60 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.1 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 816.03 ล้านบาท เนื่องจากงวดเดียวกันของปีก่อนยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกหดตัว และจากภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ลูกค้าจึงได้ชะลอการซื้อ

ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ลูกค้าจึงกลับมาสั่งซื้อตามปกติ ทำให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 41 เปอร์เซ็นต์ ทางด้านราคาขายแม้ว่าราคาเหล็กลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 18เปอร์เซ็นต์ แต่ราคาขายลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากปีที่ผ่านมามีสถานการณ์การแข่งขันด้านราคาสูงในบางตลาด ทำให้บริษัทต้องลดราคาบางส่วน ประกอบกับในงวดไตรมาส 1/67 ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลดีต่อบริษัทในฐานะผู้ส่งออก

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ผลประกอบการที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้งรายได้และกำไร โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 226.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.4 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 105.72 ล้านบาท สอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากคำสั่งซื้อและยอดขายที่เพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ทำให้ต้นทุนผลิตต่อหน่วยลดลง ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนค่าลงและต้นทุนวัตถุดิบหลัก (เหล็ก) ลดลงตามราคาตลาด ทำให้อัตราการทำกำไรดีขึ้น โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 13.0เปอร์เซ็นต์ เป็น 19.8เปอร์เซ็นต์

โดยแนวโน้มผลประกอบการในปี 2567 คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวและมีการเติบโตที่ดี ทั้งนี้บริษัทยังคงนโยบายและกลยุทธ์ในการขาย โดยเน้นเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ถังทนความดันต่ำประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากถังแก๊สสำหรับใช้ตามครัวเรือนที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักในปัจจุบัน และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ผลิตน้อยรายแต่มีโอกาสเติบโตสูง เพื่อรักษาอัตราการทำกำไรของบริษัทให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ในขณะเดียวกันยังคงเร่งเข้าไปทำการตลาดในภูมิภาคที่หลากหลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ถังใหม่ซึ่งพัฒนาสำเร็จ และได้รับการรับรองมาตรฐานตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มยอดขายและอัตราการทำกำไร

คาดว่าปีนี้บริษัทคาดยอดขายจะเติบโตไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อน โดยการเติบโตจะมาจากสัญญาณความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เห็นได้จากคำสั่งซื้อในไตรมาส 1 ปี 2567 ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมไปถึงการบุกตลาดถังพัฒนาใหม่ ถังขนาดใหญ่และถังประเภทอื่นที่มีอัตราการทำกำไรดี ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยง รวมถึงการรักษาระดับมาร์จิ้นของบริษัทให้ดีขึ้นได้

สำหรับ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆมากว่า 43 ปี โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า SMPC รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ ด้วยกำลังการผลิตสูงสุด 10 ล้านใบต่อปี ส่งออกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ถังทุกใบของ SMPC ผ่านกระบวนการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพและตรงตามมาตรฐาน ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย กอปรกับการตรวจสอบคุณภาพภายใต้มาตรฐานระดับนานาชาติ ภายใต้การควบคุมมาตรฐานการผลิตจากวิศวกรและทีมงานผู้ชำนาญการ

ขณะเดียวกันบริษัทได้เร่งปรับนโยบายและกลยุทธ์ในการขาย โดยเน้นเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ถังความดันต่ำประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากถังแก๊สสำหรับใช้ตามครัวเรือนที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มอัตราการทำกำไร รวมทั้งเร่งเข้าไปทำตลาดในภูมิภาคที่หลากหลายเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมถังแก๊สของโลกโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน.