นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO กล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ของ CHAYO ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งในการเข้ามาระดมทุนเพื่อขยายการเติบโตในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายได้ภายในกลางปี 2561
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 210 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 420 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งนี้จำนวน 140 ล้านหุ้น คิดเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ หลังจากการจำหน่าย บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้วเป็น 280 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 560 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีตระกูลยศะสินธุ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือหุ้นสัดส่วน 94.98 เปอร์เซ็นต์ และภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO สัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ 71.24 เปอร์เซ็นต์
CHAYO บริหารงานโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมถึงการให้บริการติดตามและทวงถามหนี้ ให้แก่สถาบันการเงินและหน่วยงานต่างๆ โดยสามารถแบ่งธุรกิจเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วยธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ธุรกิจเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้และธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า ซึ่งรวมถึงการจำหน่ายสินค้าและบริการให้กับบริษัททั่วไป และบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำของประเทศ
ทีมผู้บริหารของบริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจติดตามหนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ก่อนที่จะขยายธุรกิจมาลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารในปี 2557 ทั้งหนี้ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน
จากนั้นในปี 2559 บริษัทได้จัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า หรือ Call Center เพิ่มเติม เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมความต้องการลูกค้าของบริษัทรวมทั้งให้บริการแก่บริษัททั่วไปที่ต้องการทีม Call Center มืออาชีพเข้ามาช่วยดูแลสนับสนุนการขายและการตลาด จึงมองว่า CHAYO ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
“การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์maiครั้งนี้จะเป็นการปลดล็อคในเรื่องเงินทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าซื้อกองหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารสร้างความเชื่อมั่นต่อสถาบันการเงินและหน่วยงานต่างๆ อีกทั้ง ยังเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรดี จึงมองว่า CHAYO จะเป็นอีกหุ้น Growth Stock ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนที่มีคุณภาพ”
ด้านนายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHAYO เปิดเผยว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้มาอย่างยาวนานมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถ และบริหารจัดการด้วยระบบคุณธรรมเพื่อมุ่งหาทางออกให้ลูกหนี้เป็นสำคัญเป็นจุดแข็งในการต่อยอดความสำเร็จ และเข้าไปรุกในธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพรวมทั้งธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งให้แก่ CHAYO มากยิ่งขึ้น โดยมีบริษัทย่อย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ชโย จำกัด (Chayo AMC) และ บริษัท ชโย คอลเซ็นเตอร์ จำกัด (Chayo Call Center)
เพื่อขยายการเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทจึงนำหุ้นเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์maiเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ โดยเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 105 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯจำนวนไม่เกิน 21 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้บริหารและพนักงานของบริษัทจำนวนไม่เกิน 7 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทจำนวนไม่เกิน 7 ล้านหุ้น โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท