นายวีรชัย รัตนบานชื่น ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการสายธุรกิจไก่เนื้อ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการผลิตเนื้อไก่ตามมาตรฐานสากลมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดบริษัทได้ผ่านการรับรับการรับรองมาตรฐาน QS จากประเทศเยอรมนี มาตรฐานดังกล่าวเป็นการรับรองกระบวนการผลิตอาหารที่มีคุณภาพเพื่อความปลอดภัย สำหรับการบริโภคและเป็นมาตรฐานสูงสุดปัจจุบันได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคแพร่หลายยิ่งขึ้นในหลายประเทศแถบยุโรป ซึ่งมาตรฐาน QS มีข้อกำหนดที่เข้มงวดมาก เน้นกระบวนการผลิตที่แสดงให้ผู้บริโภคเห็นถึงความโปร่งใส สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ เพื่อสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือในระดับสูงต่อตัวสินค้า ซึ่งในกระบวนการผลิตไก่เนื้อของซีพีเอฟที่ดำเนินการมาตลอดมีความสอดคล้องกับมาตรฐานนี้อยู่แล้ว ทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ โดยปฏิบัติตามหลัก Animal welfare และ Animal health และยังร่วมกับกรมปศุสัตว์ พัฒนาการเลี้ยงสัตว์ปีกในระบบคอมพาร์ทเม้นท์ ป้องกันโรคไข้หวัดนก ตามหลักการของ OIE ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน
ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการสายธุรกิจไก่เนื้อ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การได้รับมาตรฐานQSสะท้อนเห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนา กระบวนการผลิตอาหารแปรรูปจากเนื้อไก่ ห่วงโซ่ของบริษัท เพื่อสร้างอาหารปลอดภัยสู่ผู้บริโภคทั่วโลกมาโดยตลอด รวมทั้งช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดลูกค้าต่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ของบริษัท ที่สำคัญมาตรฐาน QS ยังมีระบบการติดตามตรวจสอบที่เข้มงวด ควบคุมเรื่องการใช้ยาปฏิชีวนะภายในฟาร์มอย่างปลอดภัยตามหลักสวัสดิภาพสัตว์เท่านั้น และผลิตภัณฑ์ต้องปราศจากเชื้อ Salmonella และมีระบบตรวจสอบคุณภาพไก่มีชีวิตส่งมอบโรงงาน
“ปัจจุบันมีออร์เดอร์จากกลุ่มลูกค้าจากเยอรมนีและ EU มากขึ้น โดยปีนี้ ซีพีเอฟตั้งเป้ายอดส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์รวมประมาณ 1.5 แสนตัน คิดเป็นมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ที่ผ่านมาบริษัทได้ปล่อยตู้คอนเทนเนอร์สินค้าเนื้อไก่ไปเยอรมนี ซึ่งเป็นผลมาจากการได้รับรองมาตรฐาน QS โดยได้รับยอดสั่งซื้อจากลูกค้าจากเยอรมนีและอียูเพิ่มขึ้น ครั้งนี้ทำการส่งออกไก่สดไปเยอรมนีในปริมาณ 23,000 กิโลกรัม”
ด้านนายปริโสทัต ปุณณภุม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสด้านทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นสร้างเสริมศักยภาพในการแข่งขันทางการค้าของประเทศโดยผลักดันให้ฟาร์มของบริษัทและของเกษตรกรมีการปฏิบัติที่ดีต่อแรงงานมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปีนี้ เกษตรกรเจ้าของฟาร์มไก่เนื้อ 1,296 แห่งได้รับประกาศนียบัตรจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นฟาร์มที่มีการนำหลัก GLP ไปใช้ปฏิบัติต่อแรงงานอย่างถูกต้อง
“การปฏิบัติที่ดีต่อแรงงานในฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานตามหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังรองรับการปฎิบัติตามมาตรฐานฟาร์ม GAP ของกรมปศุสัตว์ที่ได้เพิ่มเรื่องการดูแลสวัสดิภาพแรงงาน การไม่ใช้แรงงานทาส แรงงานผิดกฏหมาย และแรงงานเด็กอีกด้วย”
ในปีนี้ซีพีเอฟยังได้จัดคณะทำงานเพื่อเข้าไปทวนสอบการปฏิบัติต่อแรงงานในฟาร์มของเกษตรกรทุกแห่งให้ครบทุกแห่ง เพื่อเตรียมความพร้อมฟาร์มไก่เนื้อมีการดำเนินงานตามมาตรฐานฟาร์มของกรมปศุสัตว์ ซึ่งได้บรรจุการดูแลสวัสดิภาพแรงงานตามมาตรฐานสากล
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าทั่วโลกต่อตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตไก่เนื้อของไทยมีการดูแลแรงงานตามมาตรฐานสากล บริษัทฯ อยู่ระหว่างนำ มาตรฐานแรงงานไทย หรือ มรท. มาประยุกต์ใช้ในฟาร์มไก่เนื้อของบริษัทสอดคล้องกับที่โรงงานแปรรูปไก่ที่ได้รับรองมาตรฐานแรงงานระดับสมบูรณ์ขั้นสูงสุด โดยเตรียมความพร้อมฟาร์มเข้าสู่กระบวนการขอการรับรองมาตรฐานแรงงานจากกระทรวงแรงงานภายในปี นี้ด้วย