SMPC ก้าวสู่ 44 ปี รับการประเมินด้านกำกับการดูแลกิจการระดับ 5 ดาว ดีเลิศ ตั้งเป้าปี 68 ยอดขายเพิ่ม 15 – 20 เปอร์เซ็นต์
บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ได้รับผลการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ 5 ดาวดีเลิศ (Excellent) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2024 : CGR) ของสถาบันกรรมการบริษัทไทย โดยการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมการประเมินทั้งหมด 808 บริษัท ซึ่ง SMPC ได้รับการจัดอันดับอยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีคะแนนสูงเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ แรกของกลุ่มบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยว่า รางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SMPC ในบทบาทผู้นำอุตสาหกรรมผลิตและจำหน่ายถังแก๊ส ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มุ่งเน้นการพัฒนากระบวนการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์และการรักษามาตรฐานความปลอดภัย เพื่อคงความไว้วางใจจากคู่ค้า – นักลงทุน
ในปี 2568 แนวโน้มคำสั่งซื้อมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การแข่งขันด้านราคาผ่อนคลายลง ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพช่วยเสริมความแข็งแกร่งของบริษัท และด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว พร้อมกับการบริหารซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ บริษัทจึงพร้อมเดินหน้ารับโอกาสการเติบโตในอนาคต
อย่างไรก็ตามยังคงเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบ เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้ารอบใหม่ และนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยจะมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ราคาเหล็ก ค่าขนส่ง และความผันผวนของค่าเงินบาท เพื่อให้สามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับแผนธุรกิจปี 2568 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจ โดยวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 15 – 20 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้ารอบใหม่ และนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจและตลาดที่สามารถขยายตัวได้ โดยจะมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนวัตถุดิบ ควบคุมค่าใช้จ่าย และปรับกลยุทธ์ซัพพลายเชน เพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตต่อไปได้
“เรามั่นใจว่าปี 2568 จะเป็นอีกปีที่ SMPC สามารถขยายตลาดและรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ” ประธานกรรมการบริหาร SMPC กล่าว
ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทในงวดปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 597.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 226.31 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนที่มีกำไร 371.24 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น และภาษีลดลง
โดยในปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 4,576.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 766.06 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.1 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,810.87 ล้านบาท จากความต้องการต่อเนื่องเพื่อใช้ถังเป็นบรรจุภัณฑ์ในการขายแก๊สและทดแทนถังเดิมบางส่วน รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอย่างเหล็กที่ลดลงประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยยังอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม
ตลอดระยะเวลา 43 ปี ก้าวสู่ปีที่ 44SMPC มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมถังแก๊สของโลก โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน มีคุณธรรม มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ตามหลักบรรษัทภิบาล ควบคู่ไปกับการเข้มงวดกระบวนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด และดำเนินการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ถังแก๊สคุณภาพจาก SMPC ได้มาตรฐานสอดรับกับความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก โดยมาตรฐานระบบคุณภาพ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และรางวัลต่างๆ ที่บริษัทได้รับจากหน่วยงานรัฐบาล องค์กรภาคเอกชนในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลกนับเป็นสิ่งยืนยันสถานะการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตถังแก๊สระดับโลกของ SMPC
ผลิตภัณฑ์ถังทนความดันต่ำทุกใบที่ออกจากโรงงานสู่มือของลูกค้า เป็นถังที่มีคุณภาพสูงทั้งด้านความแข็งแรงทนทาน และความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งได้รับการยอมรับจากลูกค้ามากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ถังทุกใบของ SMPC ผ่านกระบวนการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพและตรงตามมาตรฐาน ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย กอปรกับการตรวจสอบคุณภาพภายใต้มาตรฐานระดับนานาชาติ ภายใต้การควบคุมมาตรฐานการผลิตจากวิศวกรและทีมงานผู้ชำนาญการ.