บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและพัฒนาการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานรายใหญ่ในประเทศไทยเข้ารับรางวัล TCA Concrete Practice Award 2016 จากนายชัย จาตุรพิทักษ์กุล นายกสมาคมคอนกรีตประเทศไทย
ครั้งนี้นายรัตน์ สันตอรรณพ กรรมการบริหารและผู้บริหารอาวุโส ได้เป็นตัวแทนของบริษัทเข้ารับรางวัลในปีนี้ รางวัลดังกล่าวจัดโดยสมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทยร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 12 โดยได้กำหนดคุณสมบัติโครงการที่เสนอเข้าพิจารณาจาก 1.เป็นโครงการที่เป็นโครงสร้างคอนกรีตทั้งหมดหรือบางส่วน 2.เป็นงานออกแบบ หรือ ก่อสร้าง บำรุงรักษา ซ่อมแซม เสริมกำลัง ประกอบกันก็ได้ 3. ต้องมีความท้าทายมีนวัตกรรม หรือเป็นของใหม่ไม่เคยทำมาก่อน หรือใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่ไม่ใช่เป็นที่ปฏิบัติอยู่แล้วโดยทั่วไป 4.มีทฤษฎีรองรับโดยสามารถอธิบายได้ในเชิงวิชาการ หรือมีการพิสูจน์ในเชิงวิชาการได้ 5.เป็นโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วไม่เกิน 5 ปี โดยได้มีการใช้งานจริงแล้ว
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่าผลประกอบการของปี 2559 ที่ผ่านมาเป็นไปตามเป้ามีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 2,002 ล้านบาท มีรายได้จากการก่อสร้างและการขายวัสดุรวม 45,768 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2559 7.08 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2559
ที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้มีการขายเงินลงทุนเหมือนในปีที่ผ่านมา และในไตรมาสที่ 2 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงานเพิ่มของโครงการไซยะบุรี ซึ่งงานเพิ่มนี้ได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าจ้างและมีการลงนามสัญญาไปในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อได้ตามแผนและเพื่อเพิ่มมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ครบถ้วน เป็นมาตรฐานโลก งานเพิ่มของไซยะบุรีนี้ มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่างานก่อสร้างหลัก ทำให้มีผลกระทบกับอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2559 แต่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น จะกลับสู่ระดับปรกติคือ 8 -10 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2560 อย่างแน่นอน
ปัจจุบันนี้บริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog ประมาณ 89,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกของ ปี 2560 บริษัทคาดการณ์ว่าจะได้ Backlog ใหม่เข้ามากว่า 50,000 ล้านบาท มาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 3 สัญญาที่ได้ลงนามไปในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี2560 ที่ผ่านมา มูลค่ารวม 46,971 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการรอลงนามอีก 2 สัญญา ได้แก่โครงการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ มูลค่าประมาณ 25,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถลงนามกับ BEM ได้เร็วๆนี้ และ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมาสัญญา4 มูลค่า 1,982 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 5 งานนี้จะทำให้ backlog ของบริษัทแตะระดับ 100,000 ล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ที่บริษัทได้ทำอยู่นั้น เป็นไปตามแผน ในปี 2559 รถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางด่วนศรีรัช – วงแหวนรอบนอกตะวันตก สามารถแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ก่อนเวลาถึง 4 เดือน โครงการรถไฟทางคู่ จิระ-ขอนแก่น ความคืบหน้าเป็น 14.5เปอร์เซ็นต์ และบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2560
ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับงานประมูลในปี 2560 บริษัทยังมีความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะผลักดันโครงการที่เป็นประโยชน์กับประเทศออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีส้ม สายสีน้ำเงินและสายสีเขียว ทางด่วนพระรามสาม-ดาวคะนอง เป็นต้น ซึ่งบริษัทเองก็ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อเข้าร่วมประมูลอย่างเต็มที่ ในส่วนของเรื่องการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐนั้น บริษัทไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด เชื่อว่าจะทำให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและเกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติเห็นชอบผลการดำเนินงาน มีมติให้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 ในเดือนเมษายน ปี 2560 และมีมติให้บริษัทจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลังของปี 2559 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น