ดอยคำพลิกโฉมใหม่ในรอบ 40 ปี ตอกย้ำสินค้าเกรดพรีเมียมทีทุกคนจับต้องได้ เตรียมทุ่มงบพันล้านขยายการผลิตดันยอดขึ้น 3 เท่า
นายพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้พร้อมดื่ม แบรนด์ดอยคำ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มในเมืองไทยมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากการบริโภคน้ำผลไม้ของคนไทยยังไม่สูงมาก โดยในปีที่ผ่านมาดอยคำมีการเติบโตขึ้นประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และในปีนี้มองว่ามีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ ดอยคำจึงให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มากขึ้น เริ่มจากการปรับโลโก้และบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้ทันสมัยและเป็นสากลโดยทุ่มงบกว่า 50ล้านบาทในการรีเบรนด์ในครั้งนี้ซึ่งถือว่าเป็นการรีเบรนด์ครั้งใหม่ในรอบ 40 ปี ด้วยการเปลี่ยน ตราสัญลักษณ์ และ บรรจุภัณฑ์เป็นรูปแบบใหม่ที่นอกจากจะตอกย้ำปรัชญาการดำเนินงานของดอยคำให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ที่มีความอบอุ่นเข้าถึงคนรุ่นใหม่ และตอบรับการเปิดตลาดการค้าเสรีอาเซียนและนานาประเทศแล้ว ยังเน้น Brand Positioning ให้มีความทันสมัยและชัดเจน ตอกย้ำความเป็น สินค้าระดับพรีเมียมในราคาที่จับต้องได้
“ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยปรับเปลี่ยนสินค้าบรรจุภัณฑ์ใหม่ในช่องทางจำหน่ายต่างๆ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและจะเริ่มสื่อสารสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ใหม่ช่วงต้นไตรมาส3”
นอกจากนี้ยังได้เตรียมงงประมาณ 1,000 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อเพิ่มความเร็วในการแพ็กน้ำผลไม้พร้อมดื่มบรรจุกล่องขนาด 200 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นไซซ์ที่ทำรายได้สูงสุดให้บริษัท จากปัจจุบันที่มีขนาด 200 มิลลิลิตร และ 1 ลิตรเพื่อรองรับการเติบโตในช่วง 2-3 ปีจากนี้ และอยู่ระหว่างศึกษาการผลิตไซซ์ 500 มิลลิลิตร เพิ่มเติมตามโอกาสการบริโภคที่มากขึ้น
รวมถึงการขยายโกดังที่โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 อำเภอฝาก จังหวัดเชียงใหม่ ในการรองรับการจัดเก็บวัตถุดิบเพิ่มเติม
กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทมีแผนกลับมาเปิดใช้โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 4 จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้ง หลังจากมีปิดไปตั้งแต่ปี2543 แต่ในขณะนี้ได้มีความพร้อมเรื่องทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ โดยจะย้ายไลน์การผลิตน้ำผลไม้พร้อมดื่มจากโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2 อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ไปไว้ที่บุรีรัมย์ทั้งหมดภายในปี 2561 ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีกว่า 53,100 ตันต่อปี มากขึ้นถึง 3 เท่าตัว ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการขยายสินค้าใหม่ ๆ ตลาดใหม่ ๆ ตลอดจนช่วยบริหารจัดการต้นทุนการผลิตสินค้ารับมือการแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้นด้วย
“แนวทางการพัฒนาสินค้าจะเน้นใช้ผลไม้ท้องถิ่นไทยเพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ สร้างความแตกต่าง เพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้าในพอร์ต และหนีการแข่งขันเรื่องราคาในเซ็กเมนต์ที่มีการแข่งขันสูง อาทิ น้ำส้ม โดยจะรับซื้อจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าตลาดสำหรับผลผลิตที่ได้คุณภาพ”
สำหรับร้านดอยคำปัจจุบันมีร้านที่ดำเนินการเอง 32 สาขา ร้านตัวแทนจำหน่าย 27 ราย และได้เปิดตัวร้านคอนเซ็ปต์-ดีไซน์ใหม่ โดยเป็นร้านอาหาร-เครื่องดื่ม จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดอยคำตลอดจนสินค้าโอท็อปจากพื้นที่ต่างๆ ที่มีร้านต้นแบบที่ราชเทวี
บริษัทมีแผนเปิดแฟรนไชส์ร้านจำหน่ายสินค้าดอยคำ 2 โมเดลทั้งในรูปแบบร้านขายปลีก และร้านขายปลีก-ส่ง ใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 1,080,000-1,380,000 บาทอายุสัญญา 6 ปี คิดค่ารอยัลตี้ฟี 2เปอร์เซ็นต์ จากยอดขายต่อเดือน แต่สำหรับผู้ที่เซ็นสัญญาภายในปี 2560 จะยกเว้นค่ารอยัลตี้ฟีดังกล่าวในช่วง 3 ปีแรก คาดว่าภายในปีหน้าจะมีร้านตัวแทนจำหน่ายเดิมปรับมาเป็นแฟรนไชซีประมาณ 10 ราย พร้อมกับมีผู้สนใจลงทุนรายใหม่เพิ่มเติม
สำหรับทิศทางในต่างประเทศอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์ในสิงคโปร์เพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในสิงคโปร์ หรือการกระจายสินค้าไปยังประเทศอาเซียนอื่น ๆ อาทิ เมียนมา ขณะที่ลาวปัจจุบันเข้าไปกับร้านซูเปอร์มาร์เก็ตริมปิง