ปตท.รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น 3 รางวัลรวด ลุยขยายสถานีบริการน้ำมันตั้งเป้า 5 ปี ขยาย 500 สาขาทั่วอาเซียน
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นายปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ารับได้รับ 3 รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประจำปี 2559 จากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
สำหรับ 3 รางวัลที่ ปตท.ได้รับประกอบด้วย รางวัลรางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2559 ซึ่งมอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดนเด่น และมีมาตรฐานในการดำเนินงานทุกๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างดี
รางวัลการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสดีเด่น มอบให้รัฐวิสาหกิจที่มีการบริหารจัดการที่โปร่งใสเป็นธรรม มีการรายงานและเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับสากล
รางวัลนวัตกรรมดีเด่น ได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ซึ่งมอบให้รัฐวิสาหกิจที่ผลักดันให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ และการสร้างนวัตกรรมภายในองค์กรจนนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ กระบวนการทำงาน การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานการลดต้นทุน ส่งผลให้มีผลการประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความรู้สึกในการเข้ารับรางวัลนี้ว่า รางวัลนี้เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง แม้ในปีที่ผ่านมาจะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่การดำเนินงานของ ปตท. นั้น ยังสามารถสร้างสมดุล ทั้งในฐานะรัฐวิสาหกิจที่ต้องดูแลประชาชนและสังคม สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศอย่างยั่งยืน และในฐานะบริษัทมหาชนที่ต้องบริหารจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ขอขอบพระคุณผู้มีส่วนสนับสนุน ปตท. ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยราชการ คู่ค้า พันธมิตร ลูกค้า และประชาชน ที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จครั้งนี้
“รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นนั้นเป็นรางวัลที่มีเกียรติและทรงคุณค่าอย่างสูงสุด ทั้งยังส่งเสริมสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีให้องค์กรมีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ ที่สำคัญรัฐวิสาหกิจยังเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ รวมถึงตอบสนองความต้องการของประชาชนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง”
การมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นครั้งนี้จัดขึ้นโดย กระทรวงการคลัง ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา สำหรับคณะกรรมการตัดสินรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประจำปี 2559 ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ และความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เพื่อให้การคัดเลือกรัฐวิสาหกิจมีความโปร่งใส มีมาตรฐาน การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นอีกพื้นฐานหนึ่งที่จะร่วมกันพัฒนาให้รัฐวิสาหกิจก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพ และรักษาไว้ซึ่งความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนของรัฐวิสาหกิจต่อไป
ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การขยายธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องของ ปตท.นั้น เป็นไปตามแนวนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ของไทยให้มีช่องทางขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยอาศัยการเปิดตลาดควบคู่ไปกับแบรนด์ ปตท. ซึ่งเป็นแบรนด์สถานีบริการน้ำมันไทยที่เริ่มได้รับความนิยมในตลาดอาเซียน
สำหรับสถานีบริการน้ำมัน ปตท. เสียมราฐ สาขาอัปสรา ประเทศกัมพูชานั้น เป็นสถานีบริการน้ำมันแบบครบวงจรในรูปแบบ Platinum ตามแนวคิด PTT Life Station บนพื้นที่กว่า 3,900 ตารางเมตร เพื่ออำนวยความสะดวก ชาวกัมพูชา ชาวต่างชาติ รวมถึงชาวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจ ด้วยสินค้าและบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ซึ่ง ปึงหงี่เชียง หมูปิ้งเพียวกริลพอร์ก ไก่ย่างห้าดาว และ แบล็คแคนยอน ล้วนเป็นร้านแบรนด์ไทยที่ให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.เสียมราฐ นอกเหนือไปจากกาแฟอเมซอน ซึ่งเป็นอีกแบรนด์ไทยภายใต้การบริหารงานของ ปตท.ที่ได้รับความนิยมในต่างแดน ทั้งนี้ สินค้าแบรนด์เอกชนไทยที่เปิดให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ในประเทศกัมพูชานั้นมีรวมทั้งสิ้น 9 ราย
นายอรรถพล กล่าวว่า ปตท. มีนโยบายขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยประเทศกัมพูชาเป็นอีกประเทศที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และปตท. มีแผนขยายจำนวนสถานีบริการในกัมพูชาจากปัจจุบัน 28 แห่งเป็น 90 แห่งภายในปี 2563 ในขณะที่ สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ในประเทศอาเซียนในปัจจุบันนั้นมีรวมทั้งสิ้น 170 แห่ง ประกอบด้วย ลาว 29 แห่ง กัมพูชา 28 แห่งซึ่งอยู่ในเสียมราฐ 4 แห่ง โดย 2 แห่งบริหารโดย ปตท. และ 2 แห่งบริหารโดยดีลเลอร์ เมียนมา 8 แห่ง และ ฟิลิปปินส์ 105 แห่ง และมีแผนจะขยายเป็น 500 แห่งภายในปี 2020