บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เปิดแผนวิสาหกิจและงบการลงทุนระยะ 5 ปี ระหว่างปี 2562 – 2566 วงเงินรวม 167,114 ล้านบาท สร้างความมั่นคงทางพลังงาน ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการปตท.มีมติอนุมัติแผนวิสาหกิจและงบการลงทุนระยะ 5 ปี วงเงินรวม 167,114 ล้านบาท ว่าสำหรับแผนวิสาหกิจและงบการลงทุนระยะ 5 ปีระหว่างปี 2562 – 2566 เป็นไปตามกรอบการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืนสร้างสมดุล 3 มิติ ได้แก่ 1.People การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชุมชน และสังคมอย่างมีส่วนร่วม เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจที่ดีแก่คนในสังคม อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ 2.Planet การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 3.Prosperity เป็นฐานความมั่นคงให้แก่ภาคเศรษฐกิจและสังคม ด้วยหลักธรรมาภิบาล ดูแลผู้มีส่วนได้เสียอย่างเป็นรูปธรรม
People การดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้จัดสรรแผนงบประมาณจำนวน 6,095 ล้านบาท ซคางจะเน้นการทำงานผ่านสถาบันปลูกป่า ร่วมถึงจัดการพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EECi โดยได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 2,900 ล้านบาท มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ ให้เป็นศูนย์กลางงานวิจัยด้านเทคโนโลยี วัสดุ พลังงานทดแทน และดิจิทัล เพื่อร่วมยกระดับขับเคลื่อนสังคมสู่อนาคต พร้อมสร้างความเข้มแข็งแก่ประเทศสอดคล้องกับการพัฒนาระดับสากล
Planet ปตท. มุ่งสร้างแรงจูงใจและจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านการบริหารจัดการโดยสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. พร้อมสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืนผ่านการทำเกษตรป่าไม้ พัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมืองอย่างต่อเนื่อง เช่น พื้นที่คุ้งบางกะเจ้า โดยใช้เทคโนโลยีสนับสนุนติดตามการดำเนินงาน รวมถึงขับเคลื่อนการจัดการความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เน้นการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินงาน ตามแนวทางที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพิ่มปริมาณผลิตภัณฑ์และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่เป็น Clean & Green
Prosperity ซึ่งเป็นฐานความมั่นคงให้แก่ภาคเศรษฐกิจและสังคม นโยบายการลงทุนครั้งนี้ ปตท. ยังคงสนองตอบความต้องการของประเทศด้วยการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ 3D ต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ด้วยเป้าหมายสร้างความมั่นคงทางพลังงานพร้อมเพิ่มขีดความสามารถ สร้างการแข่งขันสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดเตรียมงบลงทุนระยะยาวในอนาคตไว้จำนวน 187,616 ล้านบาท สำหรับขยายการลงทุนในธุรกิจหลักสายโซ่ธุรกิจ LNG และธุรกิจใหม่ New S-Curve ตามที่กล่าวข้างต้นโดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้
อย่างไรก็ตามแผนวิสาหกิจและงบลงทุนดังกล่าวสอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ของปตท.ที่มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เสริมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและรักษาสมดุลกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้เป็นองค์กรแห่งความภาคภูมิใจ เน้นความโปร่งใส สู่ความยั่งยืน
ด้วยความมุ่งมั่น พัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัลยอดเยี่ยมบริษัทด้านนวัตกรรม จากผลงาน Integrated Pipeline Maintenance and Monitoring System หรือ iPMMS ในงาน SET Awards 2018 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร
iPMMS เป็นระบบการป้องกันสนิมด้วยกระบวนการไฟฟ้าเคมี หรือระบบ Cathodic Protection ทางไกลแบบออนไลน์ สำหรับงานตรวจสอบระบบป้องกันการผุกร่อนภายนอกท่อส่งก๊าซธรรมชาติ โดยนวัตกรรมดังกล่าวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในภารกิจดูแลความมั่นคงแข็งแรงของท่อซึ่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางพลังงานของประเทศ และประชาชนที่อยู่รอบแนวท่อส่งก๊าซฯ ให้ปลอดภัย อีกทั้งมีการทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ส่งผลให้ลดต้นทุนของการตรวจสอบ บำรุงรักษาท่อฯ ได้กว่า 7.5 ล้านบาทต่อปี
“รางวัลนี้ถือเป็นกำลังใจแก่ ปตท. ที่มุ่งมั่นตั้งใจนำดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้สามารถต่อยอดนวัตกรรมและสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานอย่างดียิ่ง โดยปัจจุบันนี้เทคโนโลยีดังกล่าวนำไปใช้งานจริงในระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่2 ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี และปราจีนบุรี รวมถึงพื้นที่ที่เข้าถึงยาก และมีแผนที่จะขยายให้ครอบคลุมทั้งระบบของสายงานระบบท่อส่งก๊าซฯต่อไป”