ยักษ์ใหญ่ “เครือเบทาโกร” ขึ้นชาร์ตผู้นำอุตฯ อาหารระดับสากล

เครือเบทาโกร ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารคุณภาพชั้นนำของประเทศ ส่งความห่วงใยพนักงานผ่านโครงการ ‘BETAGRO #recover19  วางแผนยุทธศาสตร์ 10 ปีมุ่งเติบโตกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเดินแผนประหยัดพลังงานติดตั้งแผงเซลส์แสงอาทิตย์ เพื่อพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมาโครงการ ‘BETAGRO #recover19 #เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน’ ได้ร่วมสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้คนไทยก้าวผ่านวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านการมอบความช่วยเหลือ ทั้งภาครัฐบาล ภาคสาธารณสุข ภาคประชาชน อาทิเช่น มอบวัตถุดิบอาหารสดแช่แข็งกว่า 30,000 กิโลกรัม ให้แก่โรงพยาบาล 25 แห่งทั่วประเทศ ส่งมอบผลิตภัณฑ์ไส้กรอกคุณภาพกว่า 100,000 กิโลกรัม ให้แก่ชุมชนกว่า 120 แห่งทั่วประเทศ และในส่วนของบุคลากรเครือเบทาโกรให้ความสำคัญกับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันเพื่อความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดมาตลอด ล่าสุดเรายกระดับความใส่ใจสนับสนุนให้พนักงาน เตรียมพร้อมรับวิถีชีวิตใหม่ พร้อมตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมรอบข้างอย่างต่อเนื่อง โดยส่งมอบหน้ากากผ้าคุณภาพพรีเมี่ยมจำนวนกว่า 80,000 ชิ้น ให้กับพนักงานทุกคนเพื่อสุขอนามัยที่ดี

ทุกกิจกรรมที่ทำตอกย้ำว่าเครือเบทาโกรให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยในทุกด้าน การส่งมอบหน้ากากผ้าให้พนักงานเป็นการดำเนินการเพื่อส่งต่อไปยังผู้บริโภค ซึ่งเริ่มจากความปลอดภัยของพนักงานเป็นสำคัญ

สำหรับแผนยุทธศาสตร์เครือเบทาโกร ปี 2563-2573 มุ่งเติบโต 10-15 เปอร์เซ็นต์ ต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศนอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง 4,000-5,000 ล้านบาท/ปี เดินหน้าสร้างโรงงานอาหารแปรรูปจากผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ และสร้างฟาร์มคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับกับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ในปริมาณที่มากขึ้น การสร้างโรงอาหารสำหรับสัตว์ เพื่อทำให้บริษัทมีโรงงานครอบคลุมทั่วประเทศ

ในส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์เอสเพียว ได้แก่ เนื้อไก่ เนื้อหมู และไข่ ได้รับรางวัลเอ็นเอสเอฟ ซึ่งเป็นองค์กรด้านความปลอดภัยและสาธารณสุขที่ไม่แสวงหาผลกำไร ตอกย้ำเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มียาปฏิชีวนะในเนื้อไก่ ถือว่าเบทาโกร สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด บริษัทจะเดินหน้าสร้างตลาดเซ็กเมนต์พรีเมียม เจาะกลุ่มผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ ให้ความสำคัญการเลือกซื้อและบริโภคอาหาร

ขณะที่ตลาดส่งออกยุโรป ญี่ปุ่น เริ่มเข้มงวด เบทาโกรจึงได้เปรียบด้าน การส่งออก ปัจจุบันเอสเพียวส่งออก 15 เปอร์เซ็นต์ คาดว่ารายได้ทั้งปีราว 1,400 ล้านบาท หรือมียอดขายเติบโต 15 เปอร์เซ็นต์ ผลักดัน รายได้รวมทั้งปีราว 1 แสนล้านบาท เติบโต 10-15 เปอร์เซ็นต์และในปี 2563 ตั้งเป้ารายได้ 1.4 แสนล้านบาท

นายวสิษฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวถึง การติดตั้งแผงเซลส์แสงอาทิตย์ต่อว่า เบทาโกรดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมเท่านั้น แต่ยังลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เราให้ความสนใจอย่างมากกับพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ การนำโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดำเนินงานของเรา โดยช่วยให้เราสามารถลดต้นทุนและลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกับ Total Solar Distributed Generation จะช่วยให้เครือเบทาโกรบรรลุเป้าหมายเหล่านี้

ด้านบริษัท Total Solar Distributed Generation (DG)  ได้รับการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงานเบทาโกร 24 แห่งทั่วประเทศไทย โดยระบบพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 25 MWp จะผลิตไฟฟ้าได้ปีละประมาณ 38 GWh หรือราว 15 เปอร์เซ็นต์ ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัท และจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ราว 26,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถยนต์ 4,325 คัน

“มีลูกค้าหลายรายให้ Total Solar ช่วยลดค่าไฟและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วยแนวทางที่ยั่งยืน บริษัทเบทาโกรเองก็ต้องการพันธมิตรที่ไว้วางใจได้ทั้งในแง่ของเทคนิค การเงิน และการค้า บริษัทฯยินดีที่ได้เป็นพันธมิตรด้านพลังงานระยะยาวของเบทาโกร และภูมิใจที่ได้รับความไว้วางใจจากเบทาโกรให้รับผิดชอบโครงการสำคัญเช่นนี้” Gavin Adda ซีอีโอประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท Total Solar Distributed Generation กล่าว

โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ระดับองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยระบบจะใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์กว่า 62,000 แผง ขนาดเทียบเท่ากับสนามฟุตบอล 36 สนาม”สำหรับโครงการล่าสุดในประเทศไทยนี้ได้ผลักดันให้ Total Solar Distributed Generation เติบโตในตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความคึกคัก โดยคาดว่าพลังงานหมุนเวียนจะคิดเป็นสัดส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ ของแหล่งผลิตไฟฟ้า ภายในปี 2583  Julien Pouget รองประธานอาวุโสฝ่ายพลังงานหมุนเวียน บริษัท Total กล่าว

 “เรามุ่งมั่นที่จะช่วยลูกค้าภาคอุตสาหกรรมและพาณิชย์ในการลดต้นทุนพลังงานและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วยการนำเสนอโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจรที่เชื่อถือได้”