ออมสินจัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนา 104 ปี คว้ารองชนะเลิศ รางวัลปฏิทินตั้งโต๊ะชุด”ผ้าไทย ออมศิลป์ไว้ ให้ไทยทุกคน”
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่าในวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เป็นวาระครบ 104 ปี ซึ่งธนาคารได้เปิดให้บริการรับฝากเงินเป็นกรณีพิเศษในวันคล้ายวันสถาปนาธนาคารออมสิน พร้อมกับจัดกิจกรรมพิเศษด้วยการแจกกระปุกเรือออมสินเป็นที่ระลึก 1 ใบ ต่อ 1 บัญชี เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมทรัพย์ให้แก่ผู้เปิดบัญชีเงินฝากใหม่หรือฝากเงินประเภทใดก็ได้ ซึ่งต้องฝากด้วยตัวเองไม่ต่ำกว่าบัญชีละ 500 บาท
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ธนาคารออมสินทำมาต่อเนื่องคือการมอบเงินทุนประเดิมให้แก่เด็กแรกเกิดในวันออมสินในวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี เพื่อเป็นการสร้างนิสัยการออมให้แก่เด็กจำนวน 500 บาทต่อราย และพิเศษสำหรับเด็กแรกเกิดที่บิดามารดาตั้งชื่อว่าออมสินธนาคารมอบให้เป็น 5,000 บาท เพียงนำสูติบัตรของเด็กพร้อมด้วยทะเบียนบ้านที่มีชื่อบิดา-มารดา มาแสดงที่สาขาธนาคารออมสินใกล้บ้าน ธนาคารฯ จะนำเงินทุนประเดิมฝากเข้าบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ และจะเก็บเงินทุนประเดิมนี้ไว้จนกว่าผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะโดยขอรับทุนประเดิมนี้ได้ไม่เกินเดือนธันวาคม ปี 2560
ประวัติธนาคาร
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานพระราชทรัพย์จัดตั้งคลังออมสิน ขึ้นเมื่อปี 2450 ด้วยทรงเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ของการออมทรัพย์ และให้ประชาชนมีสถานที่เก็บรักษาทรัพย์สินเงินทองให้ปลอดภัยจากโจรผู้ร้าย ก่อนที่จะทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตประกาศใช้พระราชบัญญัติคลังออมสิน เมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 2456 และได้รับพระราชทานการจัดตั้งเป็น ธนาคารออมสินเมื่อปี 2489 จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสถาบันเพื่อการออมแห่งนี้มีวาระครบรอบ 104 ปีแล้ว นับว่าเป็นขององค์กรด้านการเงินที่ก่อตั้งโดยพระมหากษัตริย์มีอายุมากกว่า 1 ศตวรรษในปีนี้
กว่า 1 ศตวรรษที่ผ่านมาธนาคารออมสินได้รับรางวัลการันตรีต่างๆมากมายล่าสุด ธนาคารออมสิน
เข้ารับรางวัลปฏิทินดีเด่น รางวัล สุริยศศิธร โดยมีนางพิชญ์สินี ตั้งตรงจิตต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานเลขาธิการธนาคารเป็นตัวแทนเข้ารับรางวัล จากพลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ซึ่งเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลปฏิทินดีเด่น รางวัล สุริยศศิธร ครั้งที่ 37 ประจำปี 2560
รางวัลดังกล่าวจัดขึ้นโดยสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย โดยผลงานปฏิทินตั้งโต๊ะของธนาคารออมสิน ชุด ผ้าไทย…ออมศิลป์ไว้ ให้ไทยทุกคน ได้รับรางวัลรองรางวัลชนะเลิศ ประเภทส่งเสริมเอกลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยปฏิทินตั้งชุดนี้ธนาคารออมสินจัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยการน้อมนำพระราชเสาวนีย์ และพระปรีชาสามารถของพระองค์ในการอนุรักษ์ส่งเสริม สืบสานงานผ้าไทย ซึ่งเป็นศิลปะอันล้ำค่าของชาติ มารังสรรค์เป็นปฏิทินตั้งโต๊ะ พุทธศักราช 2560 อันเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์และความงดงามที่น่าภาคภูมิใจของศิลปะ
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้คว้ารางวัล Thailand’s Most Admired Brand 2017 ประเภทธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ในฐานะเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งธนาคารเฉพาะกิจของรัฐที่น่าเชื่อถือที่สุดซึ่งรางวัลดังกล่าวธนาคารออมสินได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมีนางพิชญ์สินี ตั้งตรงจิตต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสินสายงานเลขาธิการ เป็นผู้แทนธนาคารเข้ารับรางวัล จากนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รางวัลดังกล่าวจัดขึ้นโดยนิตยสาร BrandAge นิตยสารด้านธุรกิจและการตลาดชั้นนำของไทยอีกด้วย
ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจ และเศรษฐกิจฐานรากธนาคารออมสิน ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะขยายตัวอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.5 โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจ และเศรษฐกิจฐานรากธนาคารออมสินประเมินว่าปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2560 ประกอบด้วย การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐที่ยังคงขยายตัวจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมซึ่งเป็นกำลังหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มฟื้นตัวตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือลดกำลังการผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปก ประกอบกับภาคการส่งออกเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า
สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ได้แก่ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมีผลทำให้อำนาจซื้อลดต่ำลง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงินและการค้าระหว่างประเทศจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ การดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันของประเทศคู่ค้า จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ยังคงมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยยังคงอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อไป
รวมทั้งผลกระทบจากกระบวนการ Hard Brexit ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนทั้งในและจากต่างประเทศ (FDI) ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสินจึงได้ประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 3.5 ต่อปี