บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด หรือ STM ก้าวสู่ 32 ปี ผู้ผลิตเครื่องยนต์ชั้นนำในกลุ่มโตโยต้า ฐานการผลิตเครื่องยนต์หลักของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
32 ปีของการก่อตั้ง บริษัทมุ่งมันพัฒนาและนำนวัตกรรมขั้นสูงมาใช้เพื่อรองรับการผลิตเครื่องยนต์อย่างครบวงจรจนเป็นที่ยอมรับของลูกค้าตลอดจนองค์กรภาครัฐและเอกชนในประเทศและต่างประเทศสายการผลิตหลัก คือ ผลิตเครื่องยนต์สำหรับการประกอบรถยนต์ของโตโยต้าทุกรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยรวมถึงการส่งออก ที่ผ่านมาบริษัทเน้นการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลเป็นส่วนใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์
ปัจจุบันความต้องการของลูกค้าในตลาดรถยนต์นั่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้โตโยต้าเล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลิตเครื่องยนต์เบนซินเพิ่มมากขึ้นจึงได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเครื่องยนต์เบนซิน ZR สำหรับรถยนต์โตโยต้าโคโรลล่าอีกจำนวน 100,000 เครื่องต่อปี ส่งผลให้กำลังการผลิตของสยามโตโยต้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 840,000 เครื่องต่อปี หรือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตรวมของโตโยต้าทั่วโลก
ทั้งนี้บริษัทยังได้เพิ่มสายการผลิตของงานหล่ออลูมิเนียมซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญในการผลิตเครื่องยนต์รุ่นนี้อีกด้วยโดยการลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพของการผลิตรถยนต์ในประเทศและช่วยส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้นและยังส่งผลให้เกิดการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 200 อัตรา
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนการส่งออกเครื่องยนต์เบนซินZRไปยังกลุ่มโตโยต้าในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เช่น ประเทศเวียดนาม ไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้กับประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตามบริษัทมีความมุ่งมั่นพัฒนาการผลิตการทำงานในทุกขั้นตอนสู่การเป็นบริษัทผลิตเครื่องยนต์อันดับ 1 ของโลกภายในปี 2663 โดยตั้งเป้าเริ่มจากการพัฒนาทรัพยากรบุคคลซึ่งเป็นพื้นฐานหลักของบริษัท รวมถึงการสร้างความสำเร็จในธุรกิจการผลิตเครื่องยนต์ทั้งแบบดีเซลและแก๊สโซลีน โดยเน้นการผลิตที่มีคุณภาพสูงควบคู่ไปกับต้นทุนที่แข่งขันได้ ผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและลูกค้าพึงพอใจเป็นสำคัญ นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งหวังในการเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องธรรมาภิบาล ด้วยการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับพนักงานและเพื่อตอบแทนสังคมอย่างยั่งยืน
ด้านมาตรฐานการผลิต ได้รับการการันตรีด้านการพลังงานตามมาตรฐานสากล ISO 5001 จากกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้องค์กรที่มีการจัดการระบบสิ่งแวดล้อมภายในโรงงาน โดย STM เป็น 1 ใน 50 สถานประกอบการที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาต่อยอดการดำเนินการจัดการพลังงานตามกฎหมายประเทศไทยไปสู่ระบบการจัดการพลังงานในระดับสากล
การดำเนินงานบริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวทาง 3 ด้าน คือ การสร้างให้พนักงานมีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมออกแบบโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อผลิตเครื่องยนต์ที่ก่อให้เกิดมลภาวะน้อยที่สุดโดยมีแนวปฏิบัติดังนี้ ปฏิบัติตามกฏหมาย ข้อบังคับ และมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และส่งเสริมกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมกับชุมชนในท้องถิ่นดำเนินกิจกรรมเชิงป้องกัน เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด โดยสร้างความตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการทำงานและการปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับพนักงานทุกคนดำเนินการประเมินความเสี่ยงและควบคุมผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมโดยการควบคุมที่แหล่งกำเนิดดำเนินการปรับปรุงระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและมลภาวะอย่างต่อเนื่อง โดยวิเคราะห์และปรับปรุงขบวนการผลิต เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าลดการเกิดของเสียและส่งเสริมการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดศึกษาและปรับปรุงขบวนการผลิต เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ทำงานและสภาพแวดล้อมการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับโดยไม่มีการร้องเรียนจากชุมชนถือเป็นหัวใจหลักในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
STM ก้าวสู่ 32 ปี แห่งความมั่นคง
บริษัทสยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด หรือ STM ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมปี 2530 มีทุนจดทะเบียน 2,850 ล้านบาท STM เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) และ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล มีการใช้เทคโนโลยี และ นวัตกรรมขั้นสูง เพื่อรองรับการผลิต เครื่องยนต์อย่างครบวงจรจนเป็นที่ยอมรับ ของลูกค้าตลอดจน องค์กรภาครัฐและเอกชน ทั้งในระดับประเทศ และต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิต1,000,000 เครื่อง/ปี ด้วยพนักงานกว่า 4,000 คน
บริษัทได้รับความไว้วางใจให้เป็นฐานการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมาภายใต้โครงการที่มีชื่อว่า IMV ซึ่งถือเป็น อีกก้าวหนึ่งของความสำเร็จ ปัจจุบันจากนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนโครงการ รถยนต์ประหยัดพลังงานทำให้ STM มีการขยายธุรกิจจากเครื่องยนต์ดีเซล ไปยัง เครื่องยนต์ เบนซิน และเครื่องยนต์ที่ประหยัดพลังงาน และเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้ พลังงานทางเลือกมากขึ้น