บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวสาหร่ายเถ้าแก่น้อย เปิดยุทธศาสตร์ครึ่งปีหลังเปิด 4 แคมเปญใหญ่มัดใจคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้า 5 ปี โกยรายได้แตะหมื่นล้าน
นายอิทธิพันธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังซื้อโดยรวมอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ตลาดสาหร่ายปรุงรสก็ยังมีแนวโน้มที่ดี โดยโตขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อน หรือมีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย สาหร่ายทอด อบ ย่าง และเทมปุระ และสาหร่ายย่าง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตมากที่สุด โดยแบรนด์เถ้าแก่น้อยยังคงเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 70 เปอร์เซ็นต์
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจจากนี้ จะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ ให้สอดรับกับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภค พร้อมเตรียม 4 แคมเปญใหญ่ นำทัพด้วยผลิตภัณฑ์สาหร่ายอบกรอบ และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่สาหร่าย อาทิ ขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพประเภทอื่น ๆ เพื่อเจาะคนรุ่นใหม่ ควบคู่กับการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์
สำหรับ ตลาดต่างประเทศ ล่าสุด ได้ปรับโครงสร้างการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ที่ส่งไปจำหน่ายในตลาดประเทศจีน โดยได้แต่งตั้งบริษัท โอริออน คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทลูกของโอริออนกรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวยักษ์ใหญ่ จากประเทศเกาหลีใต้ ให้เป็นดิสทริบิวเตอร์หลักในประเทศจีน โดยบริษัทดังกล่าวจะเข้ามาช่วยสนับสนุน ด้านข้อมูลการตลาด และพัฒนาขยายช่องทางจัดจำหน่ายของเถ้าแก่น้อยในประเทศจีน เกาหลี รัสเซีย และประเทศอื่น ๆในอนาคต
นอกจากนี้ ยังเตรียมรุกตลาดอเมริกาเนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีแนวโน้มการเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบันได้มีการจำหน่ายสินค้าให้กับห้างสรรพสินค้าคอสต์โก ซึ่งเป็นเชนขายปลีกใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ ประกอบกับการมองหาคู่ค้าอื่น ๆ เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะส่งผลให้เถ้าแก่น้อยมีการเติบโตในตลาดจีนกว่า 30เปอร์เซ็นต์ และตั้งเป้าหมายยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2567
นายอิทธิพันธ์กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของบริษัท ในครึ่งปีแรกเถ้าแก่น้อยมียอดขายประมาณ 2,582 ล้านบาท เติบโต 0.5เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันจากปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากตลาดในประเทศ 1,061 ล้านบาท และต่างประเทศ 1,521 ล้านบาท ซึ่งจีนยังเป็นตลาดส่งออกหลัก ตามด้วยอเมริกา อินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม