นายลูก้า คิโอด้า ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจน้ำดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้ให้บริการน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียว ไลฟ์ ชนิดถังขนาด 18.9 ลิตร ซึ่งจัดส่งตามบ้านและสำนักงานที่ทำงานให้กับลูกค้ามาเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปี ขณะนี้ได้ตัดสินใจที่จะโฟกัสธุรกิจน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียว ไลฟ์ ในช่องทางค้าปลีกเป็นหลัก
บริษัทจะเดินหน้าผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียว ไลฟ์ ในบรรจุภัณฑ์ขนาด 0.33 ลิตร 0.6 ลิตร 1.5 ลิตร และ 6 ลิตร อย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางค้าปลีกทั่วประเทศไปพร้อมๆกับผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติ ภายใต้แบรนด์มิเนเร่
อย่างไรก็ตามบริษัทได้โอนกิจการการให้บริการน้ำดื่มเนสท์เล่ เพียว ไลฟ์ ชนิดถังขนาด 18.9 ลิตร ที่จัดส่งตามบ้านและสำนักงานที่ทำงาน ให้กับบริษัท เอ็ม วอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มขนาด 18.9 ลิตร ภายใต้แบรนด์น้ำดื่มสปริงเคิล การโอนกิจการธุรกิจจัดส่งน้ำดื่มตามบ้านและสำนักงานในครั้งนี้มีผลเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สปริงเคิลเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2529 มีกำลังการผลิต 400 ล้านลิตรต่อปี และยังมีระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ โดยมีรถส่งน้ำดื่มจำนวน 200 คัน ให้บริการแก่ลูกค้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สปริงเคิลมีโรงงานผลิตที่ทันสมัยในการผลิตน้ำดื่มคุณภาพ ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันชั้นนำ ได้แก่ มาตรฐาน ISO 9001 : 2008 มาตรฐาน GMP และมาตรฐาน HACCP
ขณะเดียวกันนายพิสัย เลาหธนาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม วอเตอร์ จำกัด ผู้บริหารน้ำดื่มสปริงเคิล กล่าวว่า การเปลี่ยนผู้ผลิตและจัดจำหน่ายในครั้งนี้จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเอ็ม วอเตอร์ ในการให้บริการน้ำดื่มชนิดถังขนาด 18.9 ลิตร และขอยืนยันกับลูกค้าเนสท์เล่ที่ใช้บริการจัดส่งตามบ้านและสำนักงานที่ทำงานทุกรายว่า เอ็ม วอเตอร์ จะสานต่อการให้บริการน้ำดื่มคุณภาพภายใต้แบรนด์น้ำดื่มสปริงเคิล ตลอดจนมอบประสบการณ์การดูแลลูกค้าและให้บริการจัดส่งน้ำดื่มที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่บริษัทให้ความสำคัญสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงการเปลี่ยนแปลงผู้ผลิตและจัดจำหน่ายครั้งนี้ เนสท์เล่และสปริงเคิลได้ให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพและการให้บริการผู้บริโภคเป็นอันดับหนึ่ง