PTL ประกาศเดินหน้าลงทุนสายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ชนิดบาง และ Offline Coater ในสหรัฐฯ มุ่งเจาะฐานตลาดฟิล์มชนิดพิเศษที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์, แบตเตอรี่ และอุตสาหกรรมผลิตแผงโซลาร์เซลล์ ย้ำความต้องการสินค้าทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง พร้อมชู ISO 9001:2015 และ ISO 14001:2015 รองรับการผลิตครบวงจร
นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL เปิดเผยว่า บริษัทฯประเมินภาพรวมธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (Packaging) อุตสาหกรรม (Industrial) และอุปกรณ์ไฟฟ้า (Electrical) เริ่มทยอยฟื้นตัว หนุนจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ฟิล์มพลาสติก (Demand) ในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะในอินเดีย, อินโดนีเซีย และไทยฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่ปริมาณสินค้าค้างสต๊อก (Dead Stock) ในทวีปยุโรป และอเมริกาก็เริ่มคลี่คลายลง ซึ่งจะนำไปสู่การสั่งสินค้า (Restocking) ในระยะอันใกล้นี้ สะท้อนจากผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566/2567 (ตุลาคม. – ธันวาคม 66) บริษัทฯสามารถพลิกกลับมาทำกำไร 75,657 ล้านบาทจากขาดทุน 43,510 ล้านบาทในงวดไตรมาส 3/2565 ที่ผ่านมา
ดังนั้นบริษัทฯจึงยังคงแผนการโครงการลงทุนสายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ชนิดบาง และ Offline Coater ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นทั้ง 2 โครงการมีกำหนดเดินเครื่องทดสอบเชิงพาณิชย์ (COD) ราวไตรมาส 2 ปี 2567/2568 (กันยายน 2567) โดยเงินลงทุนของทั้ง 2 โครงการอยู่ที่ประมาณ 128 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ซึ่งทางบริษัทฯใช้เงินกู้ระยะยาววงเงิน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา และกระแสเงินสดในบริษัทย่อยที่สหรัฐอเมริกา
รวมถึงเงินกู้ยืมระหว่างบริษัทจากบริษัทย่อยในตุรกี โดยทยอยลงทุนตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้บริษัทฯยังคงมุ่งขยายฐานเข้าสู่ตลาดฟิล์มเฉพาะเจาะจง (Specialty Film) อาทิ ฟิล์มที่ใช้ภายในแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV Car), เซลล์โฟโตวอลเทอิก (Photovoltaic cell)ที่ใช้ในอุตสาหกรรมแผงโซลาร์ ฯลฯ ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต
นอกจากนี้บริษัทฯยังคงติดตามสถานการณ์รัฐภูมิศาสตร์ในพื้นที่ทะเลแดงอย่างใกล้ชิด โดยในระยะสั้นสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าของบริษัททั้งในทวีปยุโรปและอเมริกา เนื่องจากความล่าช้าด้านการขนส่งสินค้าทางเรือ
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2566/2567 (มกราคม – มีนาคม 2567) ยังมีแนวโน้มทรงตัวเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 3/2566/2567 เนื่องจากทั้งปัจจัยหนุน และปัจจัยกดดันโดยเฉพาะเศรษฐกิจในจีนที่ยังฟื้นตัวช้ากว่าที่หลายฝ่ายประมาณการ
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังคงประเมินว่าภาพรวมอุตสาหกรรมโดยรวม ทั้งหมวดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (Packaging), อุตสาหกรรม (Industrial), และอุปกรณ์ไฟฟ้า (Electrical) เริ่มมีสัญญาฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยแนวโน้มความต้องการใช้สินค้า (Demand) ในทวีปยุโรป, อินโดนีเซีย, อินเดียเริ่มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการสามารถระบายสต๊อกส่วนเกิน (Dead Stock) ได้แล้ว และจะเริ่มกลับมาสั่งผลิตสินค้าอีกครั้ง
“บริษัทประเมินว่าความต้องการสินค้าจะขยายตัวได้ราว 4-4.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กำลังการผลิตจะอยู่ระหว่าง 4.8-5 เปอร์เซ็นต์ และจะกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลในอนาคต อย่างไรก็ตามในไตรมาสนี้จะยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ Dead Stock กดดันศักยภาพการทำกำไร (Margin) อย่างมีนัยสำคัญ”
ทางด้านการผลิตบริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งมั่นพัฒนาการผลิตด้วยเครื่องจักรอันทันสมัยครบวงจร บุคลากรคุณภาพ ด้วยมาตรฐาน ISO 9001:2015 และ ISO 14001:2015 พร้อมรองรับการผลิตสินค้าคุณภาพ มุ่งเน้นการส่งมอบได้ถูกต้อง ตรงเวลา เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โพลีเพล็กซ์กรุ๊ป (Polyplex Group – Polyplex) เป็นผู้ผลิตแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบางที่ใหญ่เป็นอันดับหกในโลก แผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์ที่ Polyplex ผลิต ได้แก่ แผ่นฟิล์ม PET ทั้งชนิดบางและชนิดหนาที่มีความหนาและพื้นผิวต่างๆเพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลายผลิตภัณฑ์ของเราประกอบด้วย แผ่นฟิล์ม BOPP , Blown PP/PE และ แผ่นฟิล์ม CPP ซึ่งผลิตในโรงงานแห่งใหม่ที่มีความทันสมัยพร้อมขนาดประหยัด และผลิตภัณฑ์จากสายการผลิตปลายน้ำ (downstream) แบบครบวงจร อันได้แก่ สายเคลือบอลูมิเนียม (Metalizing) สายเคลือบซิลิโคน (Silicone Coating) (Offline Chemical Coadting) และสายเคลือบอัดขึ้นรูป (Extrusion Coating) และ Transfer Metallized paper ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี
Polyplex มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก โดยผลิตและจำหน่ายสินค้าแก่ลูกค้าราว 1,780 รายใน 75 ประเทศทั่วภูมิภาค ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และอนุทวีปอินเดียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตแผ่นฟิล์ม PET ชั้นนำ โรงงานของเราตั้งอยู่ใกล้กับตลาดในภูมิภาคสำคัญ ๆ โดยมีจุดผลิตและจัดส่งสินค้าทั่วโลก เรามีการผลิตแบบครบวงจรโดยมีโรงงานผลิตและศูนย์กระจายสินค้าในหลายประเทศ ได้แก่ อินเดีย ไทย ตุรกี สหรัฐอเมริกา จีน และเนเธอร์แลนด์