แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล รูดม่านเปิด “เทอร์มินอล21 พัทยา” แลนด์มาร์คแห่งใหม่ในพัทยาเหนือ วาดแผนลงทุนระยะ 3 ปี ลงเสาเข็มโรงแรมเพิ่ม 3 แห่ง มูลค่า 6 พันล้าน
นางสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด เครือแลนด์แอนด์เฮ้าส์หนึ่งในผู้นำธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดโครงการมิกซ์ยูสในต่างจังหวัดเป็นโครงการแรกในรูปแบบ “โรงแรม-ศูนย์การค้า” ที่พัทยาเหนือ บนพื้นที่ 33 ไร่ งบลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท
“นับเป็นโครงการมิกซ์ยูสแห่งที่ 2 ของกลุ่ม แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล ต่อจากโครงการเทอร์มินอล 21 ที่อโศก กรุงเทพโดยประกอบด้วยโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา จำนวน 396 ห้อง สวนน้ำลอยฟ้าพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตรและห้องประชุมสัมมนา จับกลุ่มตลาดพรีเมี่ยมและศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา ประกอบด้วยพื้นที่ช้อปปิ้งมอลล์ 6 ชั้น โรงภาพยนตร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์อาหาร Pier 21 และร้านค้ามากกว่า 500 ร้านค้า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยคาดว่าในปีที่ 2 โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา จะมีอัตราการเข้าพักไม่ต่ำกว่า 88 เปอร์เซ็นต์ และศูนย์การค้าเทอร์มินอล21พัทยา ตั้งเป้ามีลูกค้าใช้บริการเฉลี่ยมากกว่า5 หมื่นคนต่อวัน
ศูนย์การค้าเทอร์มินอล21 พัทยา เป็นโครงการใหม่ล่าสุดนับเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ระยะยาวจากเครือแลนด์แอนด์เฮาส์ในตลาดภูมิภาคแห่งแรกภายใต้แนวคิดท่าอากาศยานแห่งการช้อปปิ้งสุดชิคที่ยกโลกทั้งใบมารวมไว้ในที่เดียว ท่ามกลางบรรยากาศที่ออกแบบสถาปัตยกรรมล้ำสมัยสไตล์ มาร์เก็ตสตรีท จากแรงบันดาลใจของ 6 มหานคร แหล่งการช้อปปิ้งระดับโลก ได้แก่ ปารีส, ลอนดอน, อิตาลี, โตเกียว, ซานฟรานซิสโก และฮอลลีวูด พร้อมเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใครของบันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในศูนย์การค้าของประเทศไทยความยาวรวม 39 เมตร ตระการตาไปกับเครื่องบินบนรันเวย์ที่ยาวกว่า 250 เมตร ติดชายหาดจำลอง ซึ่งน่าจะดึงดูดผู้มาเยือนมากกว่า 5 หมื่นคนต่อวัน
สำหรับแผนการลงทุนของกลุ่มแอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล ในช่วง 3 ปีจากนี้ ระหว่าปี 2562-2564 มีแผนจะขยายการเปิดตัวโรงแรมอีก 3 แห่ง (ปีละ 1 แห่ง) ด้วยงบลงทุนทั้งหมดกว่า 6,000 ล้านบาท(แห่งละกว่า 2,000 ล้านบาท) อยู่ในกรุงเทพฯ2 แห่ง และหัวเมืองท่องเที่ยว 1 แห่ง
ขณะนี้อยู่ในระหว่างการมองหาที่ดินอยู่โดยในกทม.จะเน้นทำเลแนวรถไฟฟ้าสายปัจจุบัน เช่น สุขุมวิทและรัชดาภิเษก ที่นับวันจะหาที่ดินได้ยากและมีราคาสูง ส่วนการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศขณะนี้คงเป็นแผนในอนาคต เพราะต้องศึกษาเรื่องกฎหมายการลงทุนในประเทศนั้นๆให้ชัดเจน เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยประเทศในแถบอาเซียนที่น่าสนใจในขณะนี้คือ เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล แอนด์ เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด เปิดเผยเพิ่มเติมว่าด้วยความพึงพอใจของลูกค้า ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยจุดเด่นด้านบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าพร้อมจุดเด่นในด้านทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมืองใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์การค้าและแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ จึงสามารถสร้างลูกค้าโรงแรมที่มั่นคง ทั้งยอดการเข้าพักและราคาที่มีการเติบโตในทุกปี นอกจากนี้ยังมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงเทียบเท่าโรงแรมชั้นนำทั่วโลก
“แม้โรงแรมจะไม่ไช่ธุรกิจใหม่ แต่กลยุทธ์ที่เราใช้เป็นวิธีคิดใหม่ในการดำเนินกิจการ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพงานด้านการให้บริการและคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญในด้านความคุ้มค่าและตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งเราไม่หยุดนิ่งที่จะหาสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการต่างๆของลูกค้าในอนาคต โดยฐานลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ รวมถึงไต้หวัน และมาเลเซีย และคาดว่าจะมีลูกค้าจากภูมิภาคอื่นเพิ่มขึ้น เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสหรัฐอเมริกา”นางสุวรรณา กล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2561 ไว้ประมาณ 2,400 ล้านบาท จากปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,200 ล้านบาท และตั้งเป้ารักษาอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปีนี้ให้เท่ากับปีก่อนที่ 85 เปอร์เซ็นต์ โดยในปีนี้สัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจโรงแรม 90 เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจศูนย์การค้า 10 เปอร์เซ็นต์ และสัดส่วนรายได้จากธุรกิจศูนย์การค้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 35-40 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2562 หลังจากที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล21 พัทยาเปิดให้บริการเต็มที่ในปี 2562 และสัดส่วนรายได้ของธุรกิจโรงแรมจะอยู่ที่ 60-65 เปอร์เซ็นต์