นางสาวจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงแผนการรุกตลาด ขยายตลาดกลุ่มรถเกียร์ธรรมดาให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาปล่อยช่องว่างให้คู่แข่งเก็บส่วนแบ่งตลาดไปพอสมควร จากนี้ไปตั้งเป้าว่าภายในระยะเวลา 2-3 ปีจากนี้ ยามาฮ่าจะพยายามเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรถจักรยานยนต์ในกลุ่มเกียร์ธรรมดาขึ้นเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ จากปัจจุบันที่มีอยู่แค่ 7.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ขณะที่ลูกค้าในกลุ่มรถครอบครัวซึ่งถือเป็นตลาดที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเป็นตลาดฐานรากที่มีสัดส่วนมากถึง 48 เปอร์เซ็นต์ของตลาดรถจักรยานยนต์โดยรวม โดยตลาดข้างบนหรือตลาดรถบิ๊กไบก์ และตลาดรถออโตเมติกนั้นยามาฮ่าค่อนข้างแข็งแรงอย่างไรก็ตาม บริษัทยังคาดหวังกับเป้าที่ตั้งไว้สำหรับปีนี้ที่ 245,000 คัน จากยอดขายโดยรวมปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการสูงถึง 1.7 ล้านคัน หรือโตขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนได้อย่างแน่นอน
“ตลาดรถจักรยานยนต์ 7-8 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เราก็ต้องเร่งกระตุ้นตลาดให้มากขึ้น ส่วนตลาดเกียร์ธรรมดา ยอมรับว่าเรายังต้องทำการบ้านที่ค่อนข้างหนักเพื่อที่จะบรรลุเป้า”
ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยเพิ่มเติมว่าบริษัทได้กำหนดแผนการดำเนินธุรกิจของในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยมีแผนเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ในช่วงปลายปี1 รุ่น ซึ่งเป็นรุ่นเกียร์ออโตเมติก ส่วนตลาดรถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดานั้น บริษัทยอมรับว่าขณะนี้ยังถือเป็นจุดอ่อนของบริษัท เนื่องจากยอดการขายยังไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาดหวังไว้ แม้ว่าปัจจุบันจะมีรถยามาฮ่า 115 ไอ เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้งานจริง ความประหยัดและแน่นอนว่าบริษัทอยู่ระหว่างการมองหาผลิตภัณฑ์ในตลาด รถครอบครัวมาตอบสนองความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการเพิ่มคุณภาพ งานบริการหลังการขายและการดูแลลูกค้า
“สำหรับการตอบรับของรถจักรยานยนต์ MT-10 เดิมบริษัทตั้งเป้ายอดขายรถรุ่นนี้ไว้ที่ 50 คัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ราวเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ แต่เนื่องจากการตอบรับของตลาดประเทศไทยค่อนข้างดี บริษัทแม่จึงได้ตัดสินใจเพิ่มโควตารถรุ่นดังกล่าวให้กับประเทศไทยเพิ่มขึ้น อีกเล็กน้อย โดยขายในราคา 619,000 บาทส่วนรถยามาฮ่า เอ็ม-สแลซ จากเดิมที่คาดว่าความต้องการจะอยู่ที่ระดับ 3,000 คันต่อเดือน แต่ปรากฏว่าขณะนี้ความต้องการเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 5,000 คันต่อเดือน ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิต”นางสาวจินตนา กล่าว