กลุ่ม ปตท.คว้า 22 รางวัล ในงานประกาศผลรางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานประจำปี 2562 จัดโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน
รางวัลดังกล่าวกระทรวงแรงงานจัดขึ้นในทุกๆปี เพื่อมอบให้กับองค์กรที่ส่งเสริมกลไกทวิภาคีในการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน รวมทั้งยกย่อง เชิดชูเกียรติสถานประกอบกิจการที่ได้มีความมุ่งมั่นในการยกระดับการบริหารจัดการด้านแรงงานให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล ตลอดจนเป็นแรงจูงใจและต้นแบบให้สถานประกอบกิจการอื่นนำไปใช้ในการยกระดับการบริหารจัดการด้านแรงงาน กระทรวงแรงงาน จึงได้จัดให้มีการประกวดสถานประกอบกิจการที่มีระบบบริหารจัดการแรงงานยอดเยี่ยม หรือ Thailand Labour Management Excellence Award ขึ้น ซึ่งสถานประกอบกิจการที่จะได้รับรางวัลจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทั้งนี้สถานประกอบกิจการของกลุ่ม ปตท. จำนวน 14 แห่งได้รับรางวัล สถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่น ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประจำปี 2562 ระดับประเทศ จำนวน 22 รางวัล ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่ม ปตท.ให้ความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชีวิตของผู้ใช้แรงงาน และสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมด้านแรงงานให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
สำหรับการลงทุนในระหว่างปี 2562-2566 ปตท.ตั้งงบไว้รวม 167,114 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนตามแผนงานที่วางไว้ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติถึง 45 เปอร์เซ็นต์ของงบลงทุนมีทั้งการลงทุนสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว ขนาด 7.5 ล้านตันต่อปี โครงการท่อก๊าซฯ เส้นที่ 5 เป็นต้น
ในส่วนงบลงทุนในปีนี้วางไว้ที่ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และยังกันงบพิเศษเพื่อการลงทุนในอนาคต187,616 ล้านบาท ซึ่งวางแผนไว้ลงทุนธุรกิจ New S-Curve รวมทั้งโครงการการลงทุนที่ไม่อยู่ในแผนงาน พร้อมทั้งสั่งให้บริษัทลูกมองหาโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรมที่รัฐให้การส่งเสริมในพื้นที่อีอีซียื่นเสนอมาให้คณะกรรมการบริษัทฯอนุมัติโดยด่วน เนื่องจากกลุ่ม ปตท.มีฐานธุรกิจหลักอยู่ในภาคตะวันออก โดยเฉพาะมาบตาพุด จ.ระยอง ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง
นอกจากนี้ในช่วงปลายปี ปตท. มีกระบวนการสรรหาซีอีโอคนใหม่ เพื่อแทนนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ที่จะหมดวาระในเดือนพฤษภาคม ปี 2563 โดยนายชาญศิลป์ เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารปตท.ที่มีคุณสมบัติแล้ว ให้เตรียมตัวพร้อมมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อยื่นสมัครเป็นซีอีโอ และเข้ากระบวนการสรรหา เพราะตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งสำคัญ และมีกระบวนการสรรหาที่ต้องใช้เวลา โดยต้องเผื่อเวลา 3-4 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อส่งเรื่องให้กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลังพิจารณาสัญญาจ้างด้วย ดังนั้นกระบวนการต้องเริ่มปลายไตมาส 4 ไม่เกินต้นไตรมาส 1 ของปี 2563
“การสรรหาตำแหน่งซีอีโอเป็นเรื่องสำคัญ ก็ต้องเตรียมผู้บริหารระดับสูงที่มีคุณสมบัติให้พร้อม สุดท้ายก็ต้องได้คนดีที่สุด ดูแลทุกภาคส่วน เสียสละและทำงานเป็นที่ยอมรับ แต่จะเป็นไรอยู่ที่กรรมการ ตนขอสงวนสิทธิในการออกเสียง ” นายชาญศิลป์ กล่าว