จีเอฟพีที ชง จีเอฟพีที นิชิเร ขยายรง.แปรรูปและเพิ่มกลังผลิตเนื้อไก่ลุยตลาดนอก

จีเอฟพีที เดินเครื่องปี 62 ขยายโรงงานแปรรูปแห่งใหม่ และเพิ่มกำลังการแปรรูปเนื้อไก่ที่บริษัท จีเอฟพีที นิชิเร ด้านการตลาดลุยประเทศญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและจีน พร้อมวาดเป้า 35 ปี มุ่งขยายกำลังการผลิตไก่เนื้อทั้งวงจร เข้มแผนขยายกำลังการเลี้ยงไก่เนื้อสู่ระดับ 380,000 ตัวต่อวันในปี 2565

ดร.จุฑามาส อิงโพธิ์ชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ผู้ผลิตและจำหน่ายเนื้อไก่แปรรูปแบบครบวงจรครอบคลุมตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยงไก่พันธุ์ การเลี้ยงไก่เนื้อ การแปรรูปเนื้อไก่ การผลิตเนื้อไก่แปรรูปปรุงสุกและผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป กล่าวถึงเป้าหมายปี 2562 ว่าตลอดปี 2562 มีหลากหลายปัจจัยบวกที่จะผลักดันให้ตัวเลขรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์และมี Gross Profit Margin เฉลี่ย 14-15 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นวอลุ่มเนื้อไก่ที่มีจำนวนมากขึ้นเฉลี่ย 20,000 ตัวต่อวัน ตลาดส่งออกเติบโตได้ดี โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่มีตัวเลขการนำเข้าเนื้อไก่เพิ่มขึ้นทุกปี อย่างปีก่อนก็นำเข้าเนื้อไก่ประมาณ 1.14 ล้านตันต่อปี (ปี 2561 เมืองไทยส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ไปยังญี่ปุ่น 440,366 ตัน เพิ่มขึ้น 2.99% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า)

รวมทั้งสองบริษัทร่วมทุนที่ GFPT ถือหุ้นอยู่ 49 เปอร์เซ็นต์ อย่างบริษัท แมคคีย์ ฟู้ด เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) หรือ Mckey ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารกึ่งสำเร็จรูปแช่แข็ง เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ และบริษัท จีเอฟพีที นิชิเร (ประเทศไทย)  จำกัด หรือ GFN ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็ง เนื้อไก่แปรรูป และผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อไก่ มีการขยายโรงงานแปรรูปแห่งใหม่ และเพิ่มกำลังการแปรรูปเนื้อไก่ ตามลำดับ ทำให้บริษัทสามารถขายเนื้อไก่ได้มากขึ้น

นอกจากนี้ตลาดชิ้นส่วนไก่ในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน โดยราคาไก่มีชีวิตหน้าฟาร์มในปี 2562 น่าจะขยับตัวขึ้น หลังผู้บริโภคนิยมรับประทานอกไก่ เพื่อสุขภาพกันมากขึ้น

รองกรรมการผู้จัดการ  กล่าวถึงตลาดส่งออกของ GFPT ต่อว่า ตลาดหลักอย่างประเทศญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับ GFPT โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เพราะเนื้อไก่แปรรูปสามารถขายได้ดีในคอนวีเนียนสโตร์ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมที่จะทำการตลาดร่วมกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาบริษัทส่งออกสินค้าโดยตรงไปญี่ปุ่น ควบคู่กับการส่งออกผ่านพันธมิตรสัดส่วนประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เฉลี่ยเดือนละ 1,000 ตัน หรือปีละประมาณ 25,000 ตัน ตามแผนในแต่ละปีบริษัทจะส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ (ปี 2561 ส่งออกไปขายในสหภาพยุโรปเฉลี่ย 34 เปอร์เซ็นต์)

ส่วนตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสำหรับ GFPT คือ “ประเทศจีน” หลังเมื่อปีก่อนประเทศไทยสามารถส่งออกชิ้นส่วนไก่สดแช่แข็งไปยังประเทศจีนได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี (นับตั้งแต่เกิดโรคไข้หวัดนกในปี 2546) ขณะที่เมืองจีนยังมีความต้องการผลิตภัณฑ์ไก่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสินค้าประเภทตีนไก่ และปีกไก่ สะท้อนได้จากการเป็นผู้นำเข้าไก่อันดับ 8 ของโลก

“GFPT มีความเชื่อว่าอนาคตจีนจะมีความต้องการชิ้นส่วนประเภทอื่นๆ ของไก่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เนื้ออก น่อง และสะโพก เป็นต้น แต่จะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2561 บริษัทส่งออกชิ้นส่วนไก่ที่มีกระดูก เช่น ตีนไก่ ปีก และปลายปีก เป็นต้น ไปเมืองจีนประมาณ 2,400-2,500 ตันต่อปี ส่วนในปี 2562 คาดการณ์ว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ตันต่อปี ส่วนสินค้าที่มีความต้องการรองลงมาอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้า”

ดร.จุฑามาส กล่าวถึงแผนงานในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าต่อว่า  นอกจากบริษัทจะมุ่งมั่นในการขยายกำลังการผลิตไก่เนื้อทั้งวงจรอย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนจะขยายกำลังการเลี้ยงไก่เนื้อสู่ระดับ 380,000 ตัวต่อวัน ภายในปี 2565 ซึ่งจะเริ่มขยับจาก 300,000 ตัวต่อวัน ในปี 2561 เป็น 340,000 ตัวต่อวัน ในปี 2563

GFPT ยังวางแผนจะเปิดโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ จังหวัดชลบุรี กำลังการเชือดไก่ 150,000 ตันต่อวัน ในช่วงปลายปี 2563 โดยในช่วงปีแรกจะเดินเครื่องผลิต 50,000 ตัวต่อวัน ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 100,000 ตัวต่อวัน และเพิ่มเป็น 120,000-130,000 ตันต่อวันในปีถัดไป

ขณะเดียวกันในปี 2563 ยังเตรียมเปิดโรงงานแปรรูปปรุงสุกแห่งใหม่ กำลังการผลิตไก่แปรรูปเพื่อส่งออกประมาณ 24,000 ตันต่อปี ซึ่งกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการที่บริษัทร่วมทุนสองแห่ง (Mckey และ GFN) ได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกด้วย