บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เข้ารับรางวัลบริษัทจดทะเบียน จำนวน 100 บริษัท ที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง จากสถาบันไทยพัฒน์ ตอกย้ำดำเนินธุรกิจ การบริหารการจัดการความยั่งยืนตามกรอบแนวทางสากล SDG และสอดรับกับกลยุทธ์และเติบโตของธุรกิจมาตลอด 52 ปี
ทั้งนี้บริษัทมีความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ ยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน สังคมและสร้างคุณค่าร่วมกัน ด้วยโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ ตระหนักถึงการดูแลรักษาสภาพแวดล้อม ส่งมอบงานตรงเวลา เข้าลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับบริษัท ดำเนินธุรกิจอย่างซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส มีบรรษัทภิบาลเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างเป็นธรรมในระยะยาว
โดยนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ผสานเข้ากับการดำเนินงานหลักขององค์กร เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่ดีทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการก่อสร้างในรูปแบบ Green Construction ควบคู่ไปกับการให้ความสําคัญกับการดูแลผู้มีส่วนร่วมในธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน เล็งเห็นความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของโลกที่จะก้าวไปสู่ Smart & Sustainable City โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้วยการสร้างสรรค์องค์กรแห่งการเรียนรู้ ถ่ายทอดความเชี่ยวชาญจากผู้บริหารปัจจุบันสู่ผู้บริหารรุ่นใหม่ ตามแผน Succession Plan นำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาเพิ่มขีดความสามารถสู่ความเป็นเลิศ ทางวิศวกรรมก่อสร้างทุกรูปแบบ เพื่อแข่งขัน และบริหารจัดการองค์กรให้ทันโลกยุคใหม่และผสานพลังร่วมกับบริษัทในกลุ่ม ช.การช่าง คือ BEM TTW และ CKP เพื่อดำเนินธุรกิจก่อสร้าง และการลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า ช.การช่าง เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ใหญ่ที่สุดในหมวดธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีความสามารถในการด้านก่อสร้างและรับบริหารโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพ
โดยได้รับคะแนนประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาวหรือ ดีเลิศ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2566 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และได้รับการประเมิน ESG Rating ในระดับ A จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประจำปี 2566 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานของบริษัทที่มีการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนภายใต้หลักธรรมาภิบาล
ล่าสุดศาลปกครองสูงสุดพิพากษาคดีสายสีส้ม ยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง จะส่งผลบวกต่อทั้ง CK และ BEM เพราะมีโอกาสเดินหน้าอีกครั้งหลังจากที่ล่าช้ามานานเกือบ 4 ปี ทำให้คาดการณ์ว่า BEM จะสามารถลงนามสัญญาได้ภายในครึ่งหลังปี 2567 สำหรับ CK เบื้องต้นประเมินอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายราว 3-4 บาท/หุ้น โดย CK จะได้อานิสงส์จาก Backlog ที่สูงขึ้นอย่างน้อยประมาณ 1 แสนล้านบาท และได้อานิสงส์จากเงินลงทุนใน BEM ตามราคาหุ้น BEM ที่สูงขึ้นน โดยคาดงานก่อสร้างจะเริ่มได้ตั้งแต่ปี 2568 และกำไรปกติปี 2568 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนโดยงานสายสีม่วงใต้ ทางคูู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ หลวงพระบางเร่งตัวต่อเนื่อง รวมถึงการเริ่มงานสายสีส้ม