ซีพีเอฟ ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจ ผู้นำตลาดอาหารสำเร็จรูปในเครือ CPF เดินหมากมุ่งมั่นพัฒนาการผลิต เข้มสินค้าคุณภาพตามมาตรฐาน Codex ระดับโลก ด้าน CPF วาดเป้าปี 63 มุ่งขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
บริษัท ซีพีเอฟ ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจ จำกัด บริษัทในเครือของCPF ดำเนินธุรกิจผลิตอาหารสำเร็จรูป อาทิเช่น ไส้กรอก ลูกชิ้นและผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกมากมายที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ปัจจุบันบริษัทฯได้เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของตลาดภายใต้มาตรฐานสากล Codex ซึ่งครอบคลุมข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO)เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องโดยยึดหลักปฏิบัติจำเป็นพื้นฐานในการผลิตอาหาร เช่น วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Manufacturing Practice : GMP) และมาตรฐานควบคุมดูแลความปลอดภัยในทุกกระบวนการผลิตอาหารเพื่อป้องกันอันตรายและสิ่งปนเปื้อนในอาหาร (Hazard Analysis Critical Control Point : HACCP)
ด้านนายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางการลงทุนในปี 2563 ว่า สร้างการเติบโตในปี 2563 ซีพีเอฟจะมุ่งสร้างการเติบโต รวมถึงขยายธุรกิจในประเทศที่มีศักยภาพ รวมทั้งใน 17 ประเทศที่บริษัทมีพื้นฐานอยู่แล้วหากมีโอกาส เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีการเติบโตมากทั้งนี้ การลงทุนตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะใน 17 ประเทศที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นฐานสำคัญในการสร้างรายได้หลัก และทำให้รายได้ของบริษัทฯเติบโต และสร้างสัดส่วนรายได้ให้มากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวมที่มีประมาณ 500,000 กว่าล้านบาท ส่วนรายได้ในประเทศมีเพียง 27-28 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และที่เหลืออีกไม่ถึง 5เปอร์เซ็นต์มาจากการส่งออกจากประเทศไทย
ธุรกิจอาหารยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค แม้ว่าภาวะกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนตัว มองว่า ประชาชนยังจำเป็นต้องบริโภคอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่ปลอดภัย สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และชุมชน ส่งผลให้ผู้บริโภคให้การตอบรับสินค้าของซีพีเอฟเป็นอย่างดี
“ซีพีเอฟ เป็นผู้ผลิตอาหารโปรตีนราคาไม่แพง ไม่ว่าจะเป็น ไก่ หมู กุ้ง ปลา ไข่ไก่ ล้วนเป็นอาหารพื้นฐานที่คนต้องบริโภค และที่สำคัญการผลิตของบริษัทเป็นการผลิตแบบครบวงจร จึงเชื่อมั่นว่า ธุรกิจของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบและสามารถเติบโตต่อเนื่อง” คุณอดิเรกกล่าว
ทั้งนี้นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลกที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับระบบการจัดการความปลอดภัยในอาหาร(Food Safety Management System) ตามมาตรฐานสากล Codex นอกจากนี้บริษัทฯยังได้เพิ่มมาตรการควบคุมด้านสุขอนามัยอย่างเข้มงวดในกระบวนการผลิตแบบครบวงจรภายใต้นโยบายมาตรฐานเดียว (Single Standard) ตั้งแต่โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มปศุสัตว์ โรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป ตลอดจนพนักงาน ระบบการขนส่งและการกระจายสินค้า เพื่อให้สามารถควบคุมมาตรฐานการผลิตและตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด19) บริษัทฯให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานทั้งในสำนักงานและแรงงานอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะแรงงานในสายการผลิตด้วยการเพิ่มจำนวนรถรับ-ส่ง การตรวจวัดอุณหภูมิด้วยเครื่อง Thermographic Bullet Body Camera ที่มีความอย่างแม่นยำระดับสูงสุดทั้งก่อนเข้าโรงงานและในระหว่างปฏิบัติงาน การล้างมือ สวมถุงมือและใส่หน้ากากตลอดเวลา ตลอดจนให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนช่วงอยู่ที่บ้านกับครอบครัว ตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ผลิตวีดีโอ คลิป เพื่อแสดงให้เห็นถึงกระบวนการผลิตตามมาตรฐานสากลตลอดจนการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อลดการสัมผัสมือและมาตรการป้องกันโรคตามหลักสุขอนามัยที่เข้มงวดตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าได้รับอาหารที่สะอาดและปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
“ซีพีเอฟ มุ่งมั่นส่งมอบอาหารที่ดี สะอาด อร่อยและปลอดภัย ได้มาตรฐานขั้นสูงสุดของอุตสาหกรรมอาหารระดับโลกซึ่งเป็นหัวใจการผลิตของบริษัทฯ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของเรา และเราไม่เคยหยุดสายการผลิต ทุกคนจึงมั่นใจได้ว่าอาหารมีอย่างเพียงพอไม่ขาดแคลนในทุกสถานการณ์” นายประสิทธิ์ กล่าว
นอกจากให้ความสำคัญกับผู้บริโภคแล้วบริษัทฯยังมุ่งมั่นสนับสนุนอาหารปลอดภัยให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เสียสละปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งและยังขยายการส่งมอบอาหารไปยังครอบครัวแพทย์และพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด19เพื่อให้คลายกังวลและช่วยแบ่งเบาความรับผิดชอบ