มาลีกรุ๊ป ชู 3 ไตรมาสแรกปี 63 ทิศทางยอดขายแบรนด์ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์ ด้านแผนธุรกิจุม่งพัฒนางานตอบสนองลูกค้าทั้งด้านคุณภาพและการให้บริการ พร้อมตั้งเป้าปี 2564 ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก
บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2563 ผลการดำเนินงานเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งได้ผลบวกของยอดขายในแบรนด์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯกลับมาทำกำไรครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส ด้วยยอดขายในต่างประเทศของกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้และนมมีการเติบโตถึง 26 เปอร์เซ็นต์ โดยผลดำเนินงานที่ดีนั้นมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจแบรนด์ต่างประเทศ การลดลงของต้นทุนขาย และการลดลงของค่าใช้จ่ายขายและบริหารตามแผนควบคุมที่บริษัทฯกำหนด
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงให้ความสําคัญกับการติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด พัฒนางานในด้านต่างๆ เพื่อตอบสนองลูกค้าทั้งในด้านคุณภาพและการให้บริการ โดยเน้นแผนงานที่ได้ดําเนินการมาแล้วอย่างต่อเนื่องคือ 1.) การเพิ่มยอดขายในธุรกิจ Brand ต่างประเทศ 2.) การปรับปรุงกระบวนการทํางานภายในทุกจุดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 3.) การควบคุมปรับลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด 4.) เร่งหาทางเพิ่มการใช้สินทรัพย์เพื่อบริหารต้นทุน คงที่ทั้งหมดนี้เพื่อให้บริษัทฯพลิกฟื้นได้อย่างรวดเร็ว
และเมื่อบริษัทฯมีประสิทธิภาพเพิ่ม ยอดขายเพิ่ม บริษัทฯเชื่อมั่นว่ากิจการจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม อีกทั้งแผนงานที่ได้ดําเนินการไปนี้ก็สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว ที่จะทําให้บริษัทฯเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและตั้งเป้าปี 2564 ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก
มาลีกรุ๊ป ผู้นำตลาดน้ำผลไม้
บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เริ่มต้นมาจากการจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท โรงงานมาลีสามพราน จำกัด เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2521 เพื่อดำเนินธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารกระป๋องและผลไม้กระป๋อง ต่อมาบริษัทฯ นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อปี 2535 และได้เปลี่ยนแปลงชื่อของบริษัทฯ ใหม่เป็น “บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)” เมื่อปี 2559
ปัจจุบัน บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลไม้กระป๋องและน้ำผลไม้ยูเอชทีและพาสเจอร์ไรส์ภายใต้ตราสินค้า “มาลี” (Branded Business) อีกทั้ง จัดจำหน่ายและทำการตลาดนมยูเอชทีและพาสเจอร์ไรส์ ผลิตภัณฑ์นมอัดเม็ด “ฟาร์มโชคชัย” รวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอื่นๆ ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ โดยจัดจำหน่ายทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing Business: CMG) ให้กับเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรายอื่นๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย
บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะดำเนินตามแผนธุรกิจ เพื่อที่จะเป็นตราสินค้าในด้าน ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่อยู่ในใจของผู้บริโภค (Top Beverage Brand of Choice) โดยคำนึงถึงมาตรฐานการผลิต คุณภาพ และความปลอดภัย รวมถึงสุขอนามัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ และมุ่งมั่นที่จะมีกระบวนการ ผลิตของบริษัทฯ ที่ได้การรับรองระบบมาตรฐานเป็นที่ยอมรับอย่าง กว้างขวางจากทั้งองค์กรภายใประเทศและองค์กรระดับนานาชาติ เช่น BRC (Global Standard for Food Safety), IFS: International Food Standard, HACCP Codex Alimentarius Commission, Halal Certificate, Khosher Certificate, GMP Codex Alimentarius Commission Recommended International Code of Practice General Principles of Food Hygiene, ISO22000 และ Food Safety System Certification 22000 เป็นต้น วิสัยทัศน์ และเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ มาลีพร้อมจะทำหน้าที่อย่างมุ่งมั่น ที่จะดูแลสุขภาพของทุกคนบนโลก เพราะบริษัทฯเชื่อว่า สุขภาพที่ดี คือรากฐานของความพร้อมที่สามารถ สร้างชีวิตที่ดีกว่าและมีความสุขที่สุด มาลีพร้อมเติบโตไปกับผู้บริโภคทุกคน ให้เขาแข็งแรง มีความสุข เติบโตไปกับพนักงานทุกคน ให้ประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องงานและชีวิต เติบโตไปกับเกษตรกรของบริษัทฯทุกคน ให้ภาคภูมิใจในอาชีพและ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เติบโตไปกับสิ่งแวดล้อมบนโลกใบนี้ ที่จะคงความอุดมสมบูรณ์ คอยหล่อเลี้ยงบริษัทฯต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด ในฐานะองค์กร “มาลี กรุ๊ป” จะยังคงก้าวต่อไป เพื่อทำหน้าที่ดูแลชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ ให้ดี มากขึ้นกว่าเดิมเพราะทุกวันที่ บริษัทฯเติบโต ทุกชีวิตก็จะเติบโตอย่างมีความสุขไปพร้อมๆกัน กลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทฯ มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวเพื่อเป็น “ Top Beverage Brand of Choice” ในประเทศไทย รวมถึงมุ่งสู่การเป็น “ผู้ผลิตอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก” แต่ในปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจ ในประเทศและต่างประเทศมีความผันผวนสูง ธุรกิจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายประการไม่ว่าการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรง ขึ้นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สงครามการค้า หรือแม้แต่ภัยพิบัติจากโรคระบาด อย่างไรก็ตามเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ที่วางไว้ บริษัทฯจึงปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อรับมือกับความไม่ แน่นอนต่างๆดังนี้ • การปรับกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่น (Flexibility) พร้อมที่จะปรับตัวรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที การกระจายความเสี่ยง (Diversification) ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการช่องทางการจำหน่ายสินค้า กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และการขยายตลาดต่างประเทศ การบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อ สร้างความมั่นคงและยั่งยืนในการดำเนินงานในระยะยาว