เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์-ท็อปส่ผ่าน FSSC 22000 รายแรกในเอเชียตะวันออก/ใต้

“เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์” ผ่านมาตรฐานระดับโลก  FSSC 22000 รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดยกระดับอีก 15 สาขาปี 62 พร้อมทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาทปรับปรุงเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ โฉมใหม่ เพื่อก้าวสู่ “ช็อปปิ้งแอนด์ไดนิ่งเดสติเนชันระดับโลก”และ 5 ปีมั่นท็อปส์ครบ 600 สาขาตามเป้า

มร. อลิสเตอร์ เทย์เลอร์ กรรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตอันดับ 1 ในประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ด้วยมาตรฐานระดับนานาชาติให้กับผู้บริโภค ตอกย้ำผ่าน 4 กลยุทธ์ ได้แก่ ความสดใหม่ (Quality & Freshness) เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม (Innovation) และเชื่อถือได้ (Trustworthy) พร้อมให้ความสำคัญกับทุกเสียงความต้องการของลูกค้า (Customer Focus) ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจกว่า 22 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทได้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก FSSC 22000 (Food Safety System Certification) มาใช้กับซูเปอร์มาร์เก็ตและศูนย์กระจายสินค้าสด (FDC:  Fresh Distribution Center)

“บริษัทเป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผ่านมาตรฐานระดับโลก FSSC 22000 หรือระบบการจัดการด้านความปลอดภัยในอาหารของร้านค้าปลีกและค้าส่ง (Retail & Wholesale) ในซูเปอร์มาร์เก็ต 5 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สาขาบางนา, ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาแจ้งวัฒนะและสาขาลาดพร้าว,ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ สาขาเวสต์เกต, ท็อปส์ เดลี่ สาขาธรรมศาสตร์รังสิต และ 1 ศูนย์กระจายสินค้าสดในจังหวัดสมุทรสาคร ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพสินค้า ความสดใหม่ มีระบบตรวจสอบย้อนกลับ มีการแสดงข้อมูลสารอาหารที่ชัดเจน  โดยบริษัทมีแผนยกระดับสาขาให้ผ่านระบบ FSSC 22000 อีก 15 สาขา ในปี 2562“

ด้านแผนธุรกิจ 5 ปี เริ่มจากปี 2560 ที่ผ่านมาบริษัทจะขยายสาขาท็อปส์ให้ครบ 600 สาขา โดยเน้นรูปแบบท็อปส์ เดลี่ และ ท็อปส์ มาร์เก็ต โดยจะขยายปีละ 70 สาขา ภายใต้งบลงทุน 1,200-1,300 ล้านบาทต่อปี พร้อมตั้งเป้ายอดขายเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15 เปอร์เซ็นต์

ด้านนางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการเติบโตของบริษัทในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 10-12 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตในส่วนของธุรกิจอาหาร โกรเซอรี และของสด ซึ่งแผนงานของบริษัทนับจากนี้คือการเดินหน้าขยายสาขาท็อปส์โมเดลต่างๆเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าแต่ละพื้นที่ให้ตรงจุดมากที่สุด โดยมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตทั้งกลุ่มในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 10-12 เปอร์เซ็นต์ ได้เช่นกัน ล่าสุดใช้งบราว 300 ล้านบาทปรับปรุงเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ โฉมใหม่ บนพื้นที่ 6,500 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด “TREAT YOUR CULINARY SENSES TO A NEW LEVEL OF SHOPPING AND DINING” เพื่อก้าวสู่ “ช็อปปิ้งแอนด์ไดนิ่งเดสติเนชันระดับโลก”

ทั้งนี้เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าได้แก่ กลุ่มเจนวายที่มีอายุตั้งแต่ 25-34 ปี เป็นกลุ่มลูกค้าหลักกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือกลุ่มเจนเอ็กซ์ มีอายุ 38-52 ปี สัดส่วน 29 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ สถานะโสด ที่มีพฤติกรรมชื่นชอบไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและพร้อมลงทุนกับสินค้าที่ดีมีคุณภาพ นิยมทานอาหารนอกบ้านชื่นชอบการพบปะสังสรรค์หรือเลือกช็อปอาหารที่ปรุงสดใหม่กลับไปรับประทานที่บ้าน

นอกจากนี้ยังเป็นการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวก็มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย โดยโฉมใหม่ภายในร้านแบ่งออกเป็น 17 โซนสินค้า มีสินค้าให้ช็อปมากกว่า 5 หมื่นรายการ โดยปัจจุบันศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์มีลูกค้าเข้ามาจับจ่ายราว 8,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 10 เปอร์เซ็นต์ มียอดการจับจ่ายในส่วนของลูกค้าชาวไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 600 บาทต่อบิล และลูกค้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติราว 500 บาทต่อบิล อย่างไรก็ตามปัจจุบันโมเดล “เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์” มีจำนวนทั้งสิ้น 6 สาขา อาทิ เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัลฟอเรสต้า ภูเก็ต, เซ็นทรัล ป่าตอง เป็นต้น โดยภายในปีนี้มีแผนขยายสาขาเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์เพิ่มอีก 1 สาขาในจังหวัดภูเก็ต