แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล ลงหมุดตอกเสาเข็มเทอร์มินอล 21 พัทยา มูลค่า 6,000ลบ. หลังเปิดสาขาโคราชสุดอลังการ รับเฟ้นหาทำเลทองเพื่อพัฒนาโครงการอีกในอนาคต

บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด บริษัทย่อยในเครือ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัด (มหาชน) ผู้บุกเบิกธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ เทอร์มินอล 21 ธุรกิจโรงแรม “แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์” เป็นต้น

นางสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล แอนด์ เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด เผยว่า หลังจากมีการเปิดตัว เทอร์มินอล 21 นครราชสีมาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปีนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ 7,000 ล้านบาทเพื่อใช้พัฒนาโครงการใหญ่ที่พัทยาบนที่ดิน 30-40 ไร่ ซึ่งมีทั้งโรงแรมและศูนย์การค้า ประกอบด้วย โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ จำนวน 400 ห้องพัก และศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ทั้งหมดใช้งบลงทุน 5,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ เริ่มก่อสร้างแล้ว และกำหนดจะแล้วเสร็จในปี 2562

ส่วนงบลงทุนที่เหลือประมาณ 2,000 ล้านบาท บริษัทจะใช้ซื้อที่ดินหรือเช่าเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ที่จะเน้นโครงการที่มีทั้งโรงแรมและศูนย์การค้าโดยมองไว้ในกรุงเทพทำเลติดแนวรถไฟฟ้า และต่างจังหวัดที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งสอดรับกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย ยังมีแนวโน้มเติบโตได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2559 มีมากกว่า 32 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2.6 ล้านล้านบาท และในปีนี้รัฐบาลคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวไว้ 35 ล้านคน

ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกแห่งนี้สร้างด้วยแนวคิดเดียวกับเทอร์มินอล 21 กรุงเทพฯ คือ การสร้างสรรค์บรรยากาศแบบมาร์เก็ตสตรีทแห่งการช้อปปิ้งระดับโลก 7 มหานครชื่อดัง โดยมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางส่วน และร้านค้าเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่ได้มากที่สุด มาพร้อมหอคอยชมเมือง โรงแรมหรู 25 ชั้น จำนวน 396 ห้อง รวมพื้นที่กว่า 161,000 ตารางเมตร

ด้านนายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม รีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การพัฒนาโครงการเทอร์มินอล 21 พัทยานับเป็นสาขาที่ 3 ภายในสิ้นปีนี้ หลังจากที่โครงการเทอร์มินอล 21 นครราชสีมา เปิดให้บริการแล้วในช่วงปลายปี  ซึ่งจากเดิมที่จะพัฒนาที่นครศรีธรรมราชก่อน แต่จำเป็นต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากเพิ่งได้ที่ดินทำเลดีที่พัทยา

“บริษัทยังสนใจลงทุนในเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น ส่วนในกรุงเทพก็ยังมีความสนใจแต่คงลำบากในเรื่องของการหาพื้นที่แปลงใหญ่ทำเลดีใจกลางเมือง โดยอาจจะเข้าร่วมแข่งขันประมูลในโครงการที่มีการประกาศให้เข้าประมูลก็ได้ เช่น ที่ดินมักกะสันและบางซื่อ แต่จะเข้าประมูลในนามบริษัท หรือในนามแลนด์แอนด์เฮ้าส์ต้องรอดูสถานการณ์ในอนาคต”

นายประเสริฐ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทลงทุนตามแผนโดยไม่ได้มีการชะลอแต่อย่างใดซึ่งถือเป็นไปตามปกติที่ใช้เวลาในการพัฒนาโครงการละ 2 ปี เพียงแต่อาจมีการปรับแผนบ้างเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ตัวอย่างเช่นกรณีล่าสุดคือการพัฒนาโครงการที่พัทยาทั้งๆที่ไม่ได้มีแผนก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากเพิ่งได้ที่ดินทำเลดี ขณะที่ที่นครศรีธรรมราชเราก็เลื่อนออกไปก่อน แต่ก็ยังจะมีการพัฒนาอย่างแน่นอนเพราะมีพื้นที่อยู่แล้ว”