ไทยโพลิเอททีลีน ปลื้มรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ด้านบริษัทแม่อัดงบเข้าโครงการปิโตรเคมีครบวงจร รายแรกในเวียดนาม มูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

บริษัท ไทยโพลิเอททีลีน จำกัด หรือ TPE เครือบริษัท เอสซีจี โพลิโอเลฟินส์ จำกัด ในกลุ่ม เอสซีจีเคมิคอลส์ 1 ใน 6 กลุ่มธุรกิจหลักของเครือซิเมนต์ไทย TPE ดำเนินกิจการผลิตเม็ดพลาสติกประเภท โพลิเอททิลีน และโพลิโพรไพลีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นที่นำไปผลิตบรรจุภัณฑ์ ฉนวนสายไฟ ท่อ อุปกรณ์ภายในรถยนต์ ฯลฯ ในแต่ละปีบริษัทมีการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้เม็ดพลาสติก มีกำลังการผลิตทะลุ 1.8 ล้านตัน ลูกค้าบริษัทแบ่งเป็นสัดส่วนในและต่างประเทศ แบ่งเป็นลูกค้าในประเทศ 50 เปอร์เซ็นต์ ต่างประเทศ 50 เปอร์เซ็นต์

ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตจากหลายสถานบัน ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย และระบบสิ่งแวดล้อม จนได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001, ISO 14001 และ TIS/OHSAS 18001 รวมถึงได้รับรางวัลธงขาวดาวเขียว 4 ปีซ้อน จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

อีก 1 รางวัลที่บริษัทมีความภาคภูมิใจ คือ รางวัลอุตสาหกรรมสีเขียวซึ่งบริษัทเข้ารับจากนางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อไม่นานที่ผ่านมาโดยบริษัทในธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 ประจำปี 2561 จำนวน 2 บริษัท 4 โรงงาน ได้แก่ บริษัท ไทยโพลีเอททีลีน จำกัด (3 โรงงาน) และ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)

ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยนำนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมมาพัฒนาและปรับปรุงการบริหารจัดการโรงงาน ควบคู่กับการสร้างเครือข่ายสีเขียวตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้โรงงานอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

สำหรับแผนการดำเนินงานขณะนี้กำลังเดินหน้าโครงการปิโตรเคมีครบวงจรรายแรกในเวียดนามลงนามสัญญาเงินกู้มูลค่ากว่า 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐกับ 6 สถาบันการเงินชั้นนำ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการผลิตในปี2566

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวถึงแผนงานดังกล่าวว่า โครงการ Long Son Petrochemicals หรือ LSP เป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรขนาดใหญ่ระดับ World ถือเป็นการลงทุนหลักของเอสซีจีในปัจจุบันการลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจเคมิคอลส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสามารถนำเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบสูงทำให้ได้เปรียบทางการแข่งขันรวมทั้งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาคิดค้นนวัตกรรมเพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

“การลงนามในสัญญาเงินกู้เป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐกับ 6 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น ธนาคารมิซูโฮ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยมีวงเงินจำนวนกว่า 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ราวๆประมาณ 110,000 ล้านบาทมีระยะเวลาเงินกู้ประมาณ 14 ปี โดยมีธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

โครงการดังกล่าว ตั้งอยู่ที่เมือง Ba Ria – Vung Tau ห่างจากนครโฮจิมินห์ประมาณ 100 กิโลเมตร มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ 1.6 ล้านตันต่อปี สำหรับผลิตเม็ดพลาสติกชนิด HDPE LLDPE และ PP โดยโครงการมีการดำเนินงานอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมระดับโลก เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคมของเวียดนามได้อย่างยั่งยืน