กรมทรัพยากรน้ำเข้ารับโล่ตราสัญลักษณ์ G-Green ระดับประเทศ จากนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานแก้ไขสถานการณ์น้ำอย่างเป็นระบบ
สำหรับกรมทรัพยากรน้ำ ได้รับโล่รางวัลตราสัญญาลักษณ์ G – Green สำนักงานสีเขียว (Green Office) ดังนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 5 ได้รับรางวัลระดับดีมาก เหรียญเงิน สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 10 และ 11ได้รับรางวัลระดับดี เหรียญทองแดง
นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากน้ำ เปิดเผยว่า สำหรับในปีงบประมาณ 2563 กรมทรัพยากรน้ำวางแผนเพิ่มน้ำต้นทุนผ่านโครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นอีก 145 แห่ง ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จประเทศไทยจะมีปริมาณกักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น 160 ล้าน ลบ.ม. ประชาชนจะได้รับประโยชน์กว่า 70,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรจะได้น้ำกว่า 186,000 ไร่
ทั้งนี้กรมทรัพยากรน้ำได้ขอสนับสนุนโครงการฯ งบกลาง เพิ่มเติมอีก จำนวน 35 โครงการ ในวงเงิน 496 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 33,111 ไร่ ครัวเรือนได้รับประโยชน์กว่า 7,050 ครัวเรือน และกรมทรัพยากรน้ำได้ขอสนับสนุนงบประมาณจากงบเงินกู้ จำนวน 727 โครงการ ในวงเงิน 248 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 602,779 ไร่ ครัวเรือนได้รับประโยชน์กว่า 163,750 ครัวเรือน คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มน้ำต้นทุนรวม 413 ล้าน ลบ.ม. และจากงานวิจัยของกรมทรัพยากรน้ำ พบว่าในหลายพื้นที่ชนบทของประเทศไทย สามารถอุปโภคและบริโภคน้ำฝนได้ โดยผ่านขั้นตอนการฆ่าเชื้อโรค โดยการต้ม และการใช้ภาชนะรองรับและกักเก็บที่สะอาด ทั้งนี้ ฝากถึงพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในการอุปโภคและบริโภคในครัวเรือน
ในเดือน ส.ค.-ต.ค.ประเทศเราจะเกิดพายุโซนร้อนประมาณ 1-2 ลูกพัดเข้ามาในประเทศไทย จนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องเตรียมรับมือกับปริมาณน้ำมหาศาล ประเทศยังต้องพยายามหาทางบริหารจัดการน้ำต้นทุนที่ส่อเค้าว่าจะขาดแคลนอย่างหนักไปพร้อมๆ กัน
“สถานการณ์น้ำที่ผันผวน กรมทรัพยากรน้ำเตรียมการช่วยเหลือภัยแล้งและรับน้ำฝนไปพร้อมๆกันเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามที่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการ ให้กรมฯ เข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และกำหนดมาตรการแก้ไข ลดผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ โดยแผนแก้ภัยแล้ง ได้ทำศูนย์ผลิตน้ำสะอาด จุดแจกจ่ายน้ำสะอาด และจุดสูบน้ำ พร้อมลงไปช่วยเหลือภัยแล้งในพื้นที่เกษตร ไม้ผลยืนต้นในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำจำนวน 370,000 ไร่ ในพื้นที่นอกเขตชลประทาน อาทิ ในพื้นที่ระยอง จันทบุรี ที่ปลูกผลไม้เป็นจำนวนมาก ซึ่งไม้ผลเหล่านี้ต้องใช้ปริมาณน้ำมาก โดยการจัดหาแหล่งน้ำสนับสนุน และสูบน้ำช่วยเหลือได้ตามเป้าหมาย จำนวนกว่า 97 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถสูบน้ำแจกจ่ายน้ำสะอาดได้กว่า 16 ล้านลิตร ประชาชนได้รับประโยชน์ 425,000 ครัวเรือน จำนวน 1,368,000 คน ครอบคลุมพื้นที่การเกษตร 204,000 ไร่” นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวถึงบทบาทในการแก้ปัญหาน้ำของประเทศ
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมทรัพยากรน้ำต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำมีเพียงพอสำหรับความต้องการใช้น้ำตลอดฤดูฝนปี 2563 และต้องเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งในช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องไปถึงก่อนฤดูฝน ปี 2564
“การจัดหาแหล่งน้ำและแก้ปัญหาน้ำอย่างเป็นระบบ เป็นหน้าที่ของกรมทรัพยากรน้ำ โดยใช้หลักการโครงการแก้มลิง ขุดลอกหนองน้ำ แหล่งน้ำ ให้สามารถรับน้ำในฤดูฝนไว้ใช้ในฤดูแล้ง ขณะเดียวกันมีโครงการอ่างพวง ที่เชื่อมห้วย คลอง หนองน้ำ เข้าด้วยกันโดยน้ำสามารถไหลถึงกันทั้งหมด รวมทั้งโครงการประตูระบายน้ำ โครงการระบบเครือข่ายน้ำ ที่เราใช้เป็นแนวทางในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ต่างๆ เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ขณะเดียวกันก็บรรเทาปัญหาน้ำท่วมให้กับประชาชน และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับทำการเกษตร ทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บกักและระบายน้ำได้อย่างเต็มที่ รวมไปถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศแหล่งน้ำบริเวณเขตพื้นที่โครงการ ซึ่งถ้าขยายผลไปทั่วประเทศ จะแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมได้อย่างเป็นระบบ” นายภาดล กล่าว