ตอกย้ำความสำเร็จขับเคลื่อน “นวัตกรรมสร้างคุณค่า ตอบโจทย์ลูกค้า สู่ความยั่งยืน” เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วย 7 ยุทธศาสตร์หลักเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 58 ปี ธนาคารกรุงไทย ร่วมคณะผู้บริหารร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 59 รูป โดยได้รับเมตตาจาก “พระธรรมวชิรญาณ (จิรพล อธิจิตโต)” เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในการเจริญพระพุทธมนต์ และมอบโอวาสให้กับคณะกรรมการ ผู้บริหารและพนักงาน เพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นสู่ปีที่ 59 อย่างมั่นคง พร้อมจัดกิจกรรมการกุศล เชิญชวนพนักงานและผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคสบทบทุนจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลขอนแก่น ผ่านบริการ e-Donation เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ได้รับการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ภายในงานได้มีการจัดกิจกรรม “Wolf Hack ไล่ล่าคว้าไอเดีย” เฟ้นหาไอเดียใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนธนาคารให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งในด้าน Upskill Reskill การสร้าง Way of Work ที่เน้นความร่วมมือแบบ Cross Collaboration และ เน้นการใช้ AI Tool ให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด
“ตลอดระยะเวลา 58 ปี ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ ทำหน้าที่เป็นเสาหลักเศรษฐกิจ สนับสนุนนโยบายภาครัฐในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยนำนวัตกรรมดิจิทัลมาตอบโจทย์คนไทยทั้งในด้านการชำระเงิน บริการภาครัฐ บริการสุขภาพ บริการด้านการออมและการลงทุน ในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 59 เร่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมสร้างคุณค่า ตอบโจทย์ลูกค้า สู่ความยั่งยืน” มุ่งนำเทคโนโลยี Generative AI มาใช้ในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สนับสนุนคนไทยการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ภายใต้แนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) พร้อมเสริมแกร่งความรู้ สร้างวินัยการเงิน ไม่ก่อหนี้เกินตัว เพื่อความยั่งยืน” นายผยง กล่าว
นอกจากนี้นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่
ธนาคารกรุงไทย ยังได้รับรางวัลสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2024 สาขาอุตสาหกรรมธนาคาร ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากนิตยสาร
BUSINESS+ ซึ่งได้ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มอบรางวัลอันทรงเกียรติ เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จ
ให้กับผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีผลงานโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์ในแต่ละอุตสาหกรรม โดยมีนายนุรักษ์
มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานมอบรางวัล เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน
2567 ที่ผ่านมา
รางวัล THAILAND
TOP CEO OF THE YEAR 2024 สะท้อนถึงความเป็นผู้นำองค์กร
ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ประสบความสำเร็จในการกำหนดยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนธนาคารกรุงไทยด้วยนวัตกรรม
ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมสร้างคุณค่า ตอบโจทย์ลูกค้า สู่ความยั่งยืน” ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน สามารถผลักดันองค์กรให้ก้าวนำการเปลี่ยนแปลง
เติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกับทุกภาคส่วนในสังคม โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
(SDGs) ของสหประชาชาติ
โดยมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน
จนได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
ในฐานะองค์กรที่มีส่วนสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม
สู่ความยั่งยืน
นอกจากนี้ธนาคารกรุงไทยยังได้สร้างสถิติครั้งสำคัญสำหรับธนาคารกรุงไทย
ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำระดับประเทศ ที่เป็นมากกว่าธนาคารและอยู่เคียงข้างคนไทยมาเกือบ
6 ทศวรรษ ด้วยการคว้า
67 รางวัลจากองค์กรชั้นนำในประเทศและต่างประเทศในปี 2566
30 รางวัลระดับสากล และ 37 รางวัลระดับประเทศ
ตอกย้ำความเป็นผู้นำทางการเงินที่ขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม
พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง
เพื่อเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมสร้างคุณค่า ตอบโจทย์ลูกค้า
สู่ความยั่งยืน”
สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี
2567 ธนาคารกรุงไทย
ยังคงไว้ซึ่งภารกิจในการเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำระดับประเทศ
ที่พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน
เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วย 7 ยุทธศาสตร์หลักที่ลงลึกมากขึ้น เพื่อนำนวัตกรรมเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้
ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ รวมถึงภาคธุรกิจ
ภาคเอกชนและภาคประชาชน
เป็นสถาบันการเงินที่พร้อมดูแลและแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนอย่างจริงใจ
ภายใต้แนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตลอดจน
เสริมเกราะสร้างแกร่ง ด้วยการให้ความรู้ในด้านการออม การลงทุน
และสร้างวินัยทางการเงิน (Financial
Literacy) ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับการดำเนินชีวิต
ที่พร้อมเติบโตไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ