บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ผู้ให้บริการระบบจัดเก็บและเติมน้ำมันอากาศยานและเจ้าของรางวัล Thailand Sustainability Investment 2018 4 ปีซ้อน
นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) เปิดเผยผ่านนิตยสารอินดัสตรี้ บิสนิวส์ ว่า BAFS รับรางวัล Thailand Sustainability Investment 2018 หุ้นยั่งยืนเป็นปีที่ 4 ในฐานะบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและจัดให้เป็นองค์กรต้นแบบในการสร้างมูลค่าทั้งต่อตัวเองและสังคม
รางวัลดังกล่าว จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ มอบให้กับบริษัทที่ให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนคำนึงถึงความสมดุลระหว่างผลประกอบการและความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรวมถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล
นายประกอบเกียรติกล่าวว่า “บริษัทดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยยึดมั่นในหลักบรรษัทภิบาล คำนึงถึงการส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างสมดุลครอบคลุมทั้ง 3 มิติคือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน”
ด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทมุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการจัดเก็บข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการทำงานของบริษัทมาโดยตลอด เพื่อนำมาจัดเก็บเป็นสถิติเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุด โดยมีเป้าหมายให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มบริษัทเป็นศูนย์ภายในปี 2563
ด้านสังคม บริษัทมีนโยบายดำเนินธุรกิจที่ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมโดยดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดีและรับผิดชอบทั้งสังคมภายในบริษัทและนอกบริษัท ซึ่งบริษัทได้ยึดตามแนวปฎิบัติ 8 ข้อ คือ 1.การกำกับดูแลกิจการที่ดี 2.การประกอบธุรกิจด้วยความเป็นธรรม 3.การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น 4.การเคารพสิทธิมนุษยชน 5.การปฏิบัติด้านแรงงานอย่างเป็นธรรม 6.ความรับผิดชอบในการให้บริการ 7.การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และ 8.การร่วมพัมนาชุมชนและสังคม
ในด้านเศรษฐกิจนั้น บริษัทดำเนินการลงทุนใน 2 โครงการหลักและจัดทำแผนการขยายธุรกิจผ่านกลุ่มบริษัทได้แก่ โครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อภาคพื้นดินไปยังภาคเหนือจากคลังน้ำมันที่บางปะอิน จ.อยุธยา-คลังน้ำมัน จ.พิจิตร-คลังน้ำมัน จ.ลำปาง ของบริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) รวมมูลค่าโครงการประมาณ 9,700 ล้านบาทโดยการก่อสร้างคลังที่พิจิตรจะแล้วเสร็จและคาดว่ารับรู้รายได้ในปี 2562 และ โครงการลงทุนระบบท่อส่งน้ำมันแรงดันเฟส 2 ในสนามบินสุวรรณภูมิ ของบริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ รวมถึงการจัดตั้งบริษัทบาฟส์ อินเทค จำกัด (BAFS INTECH) เพื่อประกอบธุรกิจประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานและอุปกรณ์ให้บริการภาคพื้นอากาศยาน ซึ่งบริษัทถือหุ้น 90 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ บริษัทได้จับมือกับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ คือ บริษัท บีพีทีจี จำกัด (BPTG) เพื่อประกอบกิจการสถานีบริการน้ำมันบริเวณด้านหน้าคลังน้ำมันพิจิตร คลังน้ำมันลำปางและสถานีเพิ่มแรงดันน้ำมันกำแพงเพชร ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินงานได้ในปี 2562 และอีกหนึ่งบริษัทคือ บริษัท บาฟส์ อินโนเวชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (BID) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนานวัตกรรมได้ดำเนินการมาครบหนึ่งปี โดยได้มีการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เป็นรูปธรรมในหลายผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการดำเนินงาน และเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทในอนาคตอันใกล้นี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองหาโอกาสการลงทุนในการเป็นผู้ให้บริการเติมน้ำมันในสนามบินอื่นๆโดยเฉพาะโครงการสนามบินอู่ตะเภาในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)
นายประกอบเกียรติ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้แนวโน้มการเติบโตของการให้บริการเที่ยวบินมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การดำเนินธุรกิจได้รับอานิสงค์จากปัจจัยดังกล่าวอีกด้วย
สำหรับปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการดำเนินการด้านต่างๆตามแผนกลยุทธ์ใหม่ของบริษัทเป็นปีที่ 2 ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นอย่างดี เช่นในด้านการจัดการความรู้ บริษัทได้มีการรวบรวมความรู้และประสบการณ์ เพื่อถ่ายทอดความรู้แก่บุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร
”บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงาน เพื่อรักษาการเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริง BAFS จะเป็นองค์กรธุรกิจที่สามารถส่งมอบคุณค่าที่ดีให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนและเติบโตได้อย่างยั่งยืนตลอดไป” นายประกอบเกียรติกล่าว