CPF วางหมากปี 65 สร้างโรงงาน Plant base food รองรับการส่งออกไปยังต่างประเทศ คาดเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ เมษายน ปี 66 พร้อมประกาศความสำเร็จรับรางวัลองค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ระดับยอดเยี่ยม ประจำปี 65 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากความมุ่งมั่นมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF) เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายปี 2565 มีโอกาสทำได้ทะลุเป้าหมายที่บริษัทฯตั้งไว้ว่าจะเติบโต 10 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อน หลังจากช่วงครึ่งปีแรกทำยอดขายได้สูงกว่าเป้าหมาย หรือเติบโต 12 เปอร์เซ็นต์ และบริษัทฯยังมองเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง จากแรงหนุนหลักการฟื้นตัวของตลาดจีนหนุนยอดขายเนื้อไก่และเนื้อหมูให้ดีขึ้นมา ซึ่งจะทำให้ยอดขายรวมของบริษัทฯในครึ่งปีหลังสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับงบลงทุนของบริษัทฯในปี 2565 ได้ปรับลดลงมาเป็น 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท จากปกติที่จะใช้งบลงทุนเฉลี่ย 2.5 หมื่นล้านบาท/ปี เนื่องจากเศรษฐกิจยังมีความผันผวน ทำให้บริษัทฯตัดสินใจว่าจะยังไม่เร่งการลงทุน เพื่อรักษาสภาพคล่องไว้มาก โดยที่เงินลงทุนในปีนี้จะใช้เพิ่มศักยภาพและปรับปรุงเครื่องจักร ลงทุนขยายฟาร์มหมู และลงทุนสร้างโรงงาน Plant base food รองรับการส่งออกไปยังต่างประเทศซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมกับเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือน เมษายน ปี 2566
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า Plant base food จะเป็นอีกหนึ่งไลน์กลุ่มสินค้า Food Tech ที่จะเสริมเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ และเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และอีกหนึ่งไลน์สินค้าในกลุ่มนี้ที่มองว่าจะช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับบริษัท คือ Cell base food ซึ่งอาจจะเข้ามาทดแทนกลุ่มเนื้อสัตว์ปกติได้มากขึ้นในอนาคต จากรสชาติและสัมผัสของเนื้อที่ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริงๆมากที่สุด โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการเข้าไปลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพที่ทำ Cell base food 2 บริษัทในอิสราเอลและสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเข้ามาขยายตลาดในเอเชีย โดยทางบริษัทฯจะเข้าไปร่วมในการพัฒนาสินค้า และเป็นส่วนหนึ่งในการขยายเครือข่ายการขายในกลุ่มตลาดเอเชียให้กับพันธมิตรในอนาคต
สำหรับแผนการบริษัทสุกรในจีน คือ Chia Tai Investment Cp.,Ltd (CTI) เข้าตลาดหุ้นจีนนั้น ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติจากทางหน่วยงานของจีน คาดว่าจะเดินหน้าได้ช่วงกลางปี 2566 ส่วนธุรกิจสุกรในเวียดนาม คือ C.P. Vietnam Corporation (CPV) ยังอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ แต่อาจล่าช้ากว่ากำหนดเดิมไปบ้าง เพราะต้องพิจารณากฎเกณฑ์ต่างๆให้สอดคล้องกับทางที่เวียดนามกำหนด คาดว่าจะเดินหน้าได้ในช่วงกลางปี 2566 โดยจะเป็นบริษัทต่างชาติรายแรกที่เข้าไปอยู่ไนตลาดหุ้นเวียดนาม และมีไซส์ใหญ่สุด ทางด้านนายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ( ซีพีเอฟ) กล่าวถึงการได้รับ รางวัล”องค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน ระดับยอดเยี่ยม” ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรืออบก.ว่า ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน และกำหนดแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ตั้งแต่ส่งเสริมเกษตรกรให้มีการจัดหาวัตถุดิบที่ไม่ได้มาจากแหล่งตัดไม้ทำลายป่า พร้อมทั้งส่งมอบและสื่อสารนโยบายด้านการจัดหาอย่างยั่งยืนแก่คู่ค้าธุรกิจ รวมทั้งการประเมินและทบทวนความเสี่ยงด้านความยั่งยืน ESG ของคู่ค้าธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ
“เป็นความภาคภูมิใจของซีพีเอฟ ที่ได้มีส่วนร่วมผลักดันการลดก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นปัญหาในระดับโลก ซีพีเอฟ มีความพร้อมในการผลักดันและขับเคลื่อนในการลดก๊าซเรือนกระจกทั้งองค์กร ทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยมีเป้าหมายสนับสนุน Carbon Neutral ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในปี 2030 ขณะเดียวกันเราตั้งเป้าสู่ Net Zero ในปี 2050 ซึ่งเรามีการทำงานและศึกษาในเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผลักดันธุรกิจโดยการนำนวัตกรรมมาใช้ การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานทดแทน รวมถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้อง อาทิ การปลูกป่าเพื่อดูดซับคาร์บอน และการดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งเราส่งเสริมและขยายความร่วมมือไปในระดับซัพพลายเชนด้วย ” คุณวุฒิชัย กล่าว