NT เดินเครื่องผลักดันระบบงานรองรับนโยบายภาครัฐ เผยเตรียมพร้อมเป็นองค์กรแห่งชาติที่เชื่อมต่อเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อคนไทยทุกคน ชู ISO/IEC 27001:2022, ISO/IEC 20000-1:2018 และ ISO 22301:2019 ยกระดับบริการ ระบบงานที่มีประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า ทาง NT กับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมประชุมเพื่อรับทราบผลการดำเนินงาน 4 เดือนแรกของปี 2567 และมอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานให้คณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูง ซึ่งผลการดำเนินงานด้านการเงินตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2567 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 27,929.78 ล้านบาท รายจ่าย 25,672.47 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,257.31 ล้านบาท ดีกว่าแผนซึ่งประมาณการอยู่ที่ขาดทุน 1023.97 ล้านบาท แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ ดังนี้ Hard Infrastructure 3,151.07 ล้านบาท, International 582.70 ล้านบาท, Mobile 15,635.84 ล้านบาท, Fixed Line & Broadband 5,913.17 ล้านบาท, Digital 916.08 ล้านบาท, ICT Solution 578.22 ล้านบาท, รายได้อื่น 1,077.36 ล้านบาทและ โครงการรัฐ 34 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานภายหลังการควบรวบ ได้ดำเนินการบูรณาการกระบวนการ รวมถึงระบบงานต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ อาทิ กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระบวนการส่งต่อผลงานวิจัยและนวัตกรรมออกสู่เชิงพาณิชย์ ระบบงาน Customer segment พร้อมเตรียมรองรับนโยบาย Go Cloud First โดย NT มีความพร้อมให้บริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการจัดหาทรัพยากรด้านการประมวลผล (Computing Resource) ให้กับภาครัฐในรูปแบบการให้บริการ Cloud Service รองรับหน่วยงานรัฐให้เข้าถึงทรัพยากรด้านคลาวด์ด้วยมาตรฐานสากล พร้อมกับนำเทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัยมาเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลภาครัฐ รวมถึงได้เพิ่มบริการ Market Place บน GDCC เพื่อรองรับการให้บริการแพลตฟอร์มไอที แอปพลิเคชันใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในปัจจุบัน NT Cloud Service ได้ให้บริการลูกค้าภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน มากกว่า 1,700 ราย มี Workloads มากกว่า 5,000 Workloads
ในส่วนของให้บริการ 5G ได้กำหนดแผนการดำเนินงานแบ่งเป็นโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G บนคลื่น 700 MHz กำหนดให้มีการสร้างโครงข่าย 4G/5G จำนวน 13,500 สถานีฐาน ครอบคลุมพื้นที่ 95 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนประชากร โดยข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2567 ติดตั้งครอบคลุม 60 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนประชากร พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้าให้ปี 2567 มีผู้ใช้บริการ my บนโครงข่าย 700 MHz จำนวน 600,000 เลขหมาย สำหรับโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G บนคลื่น 26 GHz อยู่ระหว่างการหาพันธมิตรเพื่อร่วมกันทำโซลูชั่นเพื่อเสนอบริการ 5G Private Network แก่ลูกค้าองค์กร
ทั้งนี้ทิศทางการดำเนินธุรกิจในรูปแบบร่วมลงทุนกับพันธมิตร NT ได้ร่วมกับบริษัท OneWeb Network Access Holdings Limited จัดตั้ง Satellite Network Portals Site Hosting Service ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเป็นสถานีภาคพื้นดินบริหารจัดการดาวเทียมวงโคจรต่ำ โดยตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนากิจการดาวเทียมสื่อสารของประเทศ ควบคู่ไปกับความคุ้มค่าในการลงทุน และจะต้องสอดคล้องกับนโยบายดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ เพื่อให้ความร่วมมือที่เกิดขึ้นสร้างประโยชน์ให้ภาพรวมของประเทศ ทั้งในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสาร สาธารณสุข รวมถึงการพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่ง NT ในวันนี้พร้อมเป็นองค์กรแห่งชาติที่สามารถเชื่อมต่อเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อคนไทยทุกคน
ทางด้าน นางสาวจันทนา เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT รับมอบใบรับรองระบบบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ ความมั่นคงปลอดภัยและบริการเทคโนโลยีสารสนเทศของบริการ NT Data Services บนโครงข่าย NT MPLS ตามมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2022, ISO/IEC 20000-1:2018 และ ISO 22301:2019 จากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (British Standard Institute: BSI) โดย คุณบุคลากร ใจดี ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้แทนจากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ เป็นผู้มอบ
NT บรรลุเป้าหมายการยกระดับบริการ NT Data Services ให้มีประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก แสดงถึงความมุ่งมั่นของ NT ในการพัฒนาคุณภาพและพัฒนามาตรฐานการให้บริการครอบคลุมมาตรฐานสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าทั้งองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนในบริการ NT Data Services อย่างต่อเนื่อง อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในการให้บริการดิจิทัลและสื่อสารข้อมูล สำหรับระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window) จากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (British Standard Institute: BSI) ซึ่ง NT สร้างความเชื่อมั่นที่สำคัญและยกระดับบริการอย่างต่อเนื่องให้เป็นระบบงานที่มีประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก